ชางงี แอร์พอร์ต กรุ๊ป (Changi Airport Group) หรือ CAG ซึ่งเป็นผู้บริหาร ท่าอากาศยานชางงี ของ สิงคโปร์ แถลงวานนี้ (24 พ.ค.)ว่า ท่าอากาศยานชางงีจะบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับอาคารที่พักผู้โดยสารเพื่อ ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมาตรการที่จะนำมาใช้ ได้แก่
- การแบ่งพนักงานดูแลผู้โดยสารขาเข้าและขาออกให้แยกออกจากกัน และให้อยู่ในพื้นที่ต่างโซนกัน โดยพนักงานต่างโซนกันจะไม่สามารถพบปะกัน
- พนักงานที่ทำงานในโซน 1 ซึ่งเป็นโซนที่มี “ความเสี่ยงมากที่สุด” จะต้องใส่ชุด PPE ตลอดเวลาการทำงาน และพนักงานที่ทำงานในโซนดังกล่าวจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส
- พนักงานที่ทำงานในโซน 1 จะต้องได้รับการตรวจเชื้อโควิด-19 ถี่ขึ้น โดยต้องมีการตรวจแบบ PCR ทุก 7 วัน และตรวจแอนติเจนทุก 3 วัน
- ผู้โดยสารขาเข้าที่เดินทางมาจาก “ประเทศเสี่ยงสูง” จะต้องถูกพาไปยัง gate ซึ่งอยู่ห่างไกลในอาคารที่พักผู้โดยสาร 2 เพื่อตรวจเอกสารเดินทาง และจะถูกพาไปยังศูนย์กักตัว โดยจะไม่เดินผ่านอาคารที่พักผู้โดยสารอื่น
CAG ตั้งเป้าที่จะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวภายในวันที่ 13 มิ.ย.2564
รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ สิงคโปร์กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมจำนวน 61,860 ราย และเสียชีวิตแล้ว 32 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง