"เศรษฐา"เปิดใจหวัง“สมาชิกรัฐสภา”โหวตให้เป็นนายกฯ

20 ส.ค. 2566 | 15:09 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ส.ค. 2566 | 15:16 น.

"เศรษฐา ทวีสิน"เปิดใจ หวังได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาโหวตให้เป็นนายกฯ ถึงเวลามีรัฐบาลใหม่ได้แล้ว ขออดใจเรื่อง “โผ ครม.” ให้เป็นไปตามขั้นตอน กระทรวงต่างๆ ยังไม่ลงตัว ชี้ “ทักษิณ” กลับไทยไม่เกี่ยวพรรคเพื่อไทย

ก่อนถึงวันที่ 22 ส.ค. 2566 ซึ่งจะมีการประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 นั้น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ได้เปิดใจกับทีมข่าวเนชั่นทีวี ถึงมรสุมที่ถูกแฉเรื่องราวต่างๆ สมัยเป็นบริหาร บมจ.แสนสิริ โดยมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง และเข้าใจว่า การเข้าสู่ชีวิตการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะ ก็ต้องยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ 

ส่วนเรื่องของการโหวตนายกฯ เชื่อว่าทั้ง ส.ส. และ ส.ว. จะมีวิจารณญาณ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากที่ตนเองได้แถลงข่าวอย่างชัดเจนแล้ว “ผมหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา”

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงเรื่องการบริหารงานขณะเป็นผู้บริหารแสนสิริ ว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาเป็นไปอย่างโปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล ขอย้ำว่าเราเป็นผู้ซื้อ ภาระอยู่ที่ผู้ขายในแง่ของการเสียภาษี เราไม่มีส่วนในการช่วยเหลือเขา ไม่มีเงินทอน ไม่มีการตั้งบริษัทนอมินี และที่สำคัญไม่มีการให้กู้กับบริษัทนอมินีด้วย ราคาที่ดินที่ทำการซื้อขายเหมาะสม เราบริสุทธิ์ใจในการทำงาน

ส่วนวันที่ 21 ส.ค.จะะมีการแถลงข่าวร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุน นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าทุกอย่างคงเป็นไปได้ด้วยดี รวมถึงมั่นใจในคณะเจรจาของพรรคเพื่อไทยว่ามีความคืบหน้าไปได้มากแล้ว

“ถึงเวลาแล้ว ปัญหาบ้านเมืองถูกหมักหมมมานาน ควรจะต้องมีรัฐบาลได้แล้ว” 

ส่วนสิ่งแรกที่จะดำเนินการหากได้รับเลือกจากรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา กล่าวว่า หลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็ต้องตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยกันก่อน หล่อหลอมนโยบายของทุกๆ พรรคการเมือง โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่การเป็นรัฐบาลผสม ตนเองก็เข้าใจและต้องให้เกียรติพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคด้วย “เรามีไอเดียอยู่แล้ว แต่ขอเก็บไว้รอคุยกับพรรคร่วมก่อน” 

นายเศรษฐา ย้ำว่า ตนมีความมั่นใจในคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล

“ผมเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ รวมถึงอยากให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ วันที่ 22 ส.ค.จะเป็นสเต็ปที่สองหลังจากวันเลือกตั้ง หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี"

ส่วนกรณี “โผ ครม.” ที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอไม่ขอแสดงความคิดเห็น ต้องให้เกียรติคณะเจรจาและพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพราะกระทรวงต่างๆ ก็ยังไม่ลงตัว แต่เข้าใจว่าก็มีความคืบหน้าแล้ว และถ้าลงตัวแล้วรายชื่อก็คงจะตามมา  

“อย่าเพิ่งรีบร้อน อดใจอีกนิดหนึ่งก่อน เป็นขั้นเป็นตอนไปดีกว่า แต่มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฯ จะเสนอบุคลากรที่มีคุณภาพ ทำงานให้ประเทศเดินหน้าได้”

เมื่อถามถึงภายหลังที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจ ตอนนี้มีพรรคการเมืองอื่นติดต่อมาบ้างหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า  คงเพราะยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการด้วย อาจต้องรอเปิดตัวก่อน แต่เราก็พอรู้จักกัน คุยกันนอกรอบบ้างแล้ว 

“ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจ มั่นใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทย มั่นใจทีมงานพรรคเพื่อไทย มั่นใจในเจตนารมณ์ที่ดีของพรรคร่วมฯ และไม่ว่าจะได้กระทรวงไหน หรือ ส่งบุคคลใดเข้ามา เชื่อว่าทุกพรรคคงคำนึงถึงการช่วยเหลือบ้านเมืองเป็นหลัก” 

สำหรับกรณีกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายเศรษฐา ยืนยันว่า ตนเองไม่ทราบกำหนดการมาก่อน ส่วนการเดินทางกลับของ นายทักษิณ มองเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย

“เป็นความปรารถนาของท่านเอง ที่ท่านจะกลับมาเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ถือเป็นอีเว้นท์ใหญ่ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้ความนิยมสูงสุด จากบ้านเมืองไป 17 ปีแล้ว ส่วนการโหวตนายกฯ ก็เป็นเรื่องของสภา คนละเรื่องกัน” 

นายเศรษฐา ยังยืนยันว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่เคยหาเสียงไว้จะถูกผลักดันจนสำเร็จอย่างแน่นอน ถือเป็นนโยบายหลัก และมั่นใจว่าทุกพรรคการเมืองจะเห็นชอบ

“แต่ผมค่อนข้างจะผิดหวังกับ คุณชูวิทย์  ซึ่งท่านไม่เข้าใจเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วมาด้อยค่าเรื่องนี้ อย่าเอาผลประโยชน์ที่ประชาชน ผู้ผลิต ผู้จ้างงาน ผู้ได้รับการจ้างงาน มาเป็นประเด็นด้านการเมืองเลย ผมเชื่อว่าประชาชนหลายล้านคนต้องการตรงนี้ ถ้าหากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลจริงๆ จะพยายามผลักดันนโยบายนี้โดยเร็วที่สุด” 

เมื่อถามว่าจะผลักดันทุกนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ย้ำว่า ต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เอามาหล่อหลอมเป็นนโยบายรัฐบาลของประเทศไทย

“ทำงานร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้าไป ยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ขจัดความขัดแย้งที่มีอยู่ในทุกอายุและความคิด เป็นภารกิจของผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต้องพร้อมทำ" นายเศรษฐา กล่าว