เป็นเพราะพิษที่ คณะกรรมการ กสทช. อนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกกท. เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ภายในกรอบวงเงิน 600 ล้านบาท จากจำนวนเต็ม 1,600 ล้านบาท จากที่ รัฐบาล คสช. ต้องการคืนความสุขให้กับประชาชนเพื่อได้ดูฟุตบอลโลก 2022
ล่าสุดวันนี้ 2 เมษายน 2567 นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรนาคมแห่งชาติ หรื อกสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กสทช. มีมติเอกฉันท์ยกเลิกกฎ Must Have สนับสนุนฟุตบอลโลก เหตุผลเป็นกีฬาที่มูลค่าเชิงการตลาดสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในที่ประชุมบอร์ด กสทช.มีการหยิบยกประเด็นดังเรื่องฟุตบอลโลกว่า “คนไทยไม่เคยได้เข้าไปแข่งขันในรอบลึก”
ด้าน ศาสตราจารย์กิตติคุณดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับ 6 ประเภทกีฬา คือ กีฬาซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ มีนักกีฬาตัวแทนประเทศไทยเข้าไปสู่ในรอบลึก อีกทั้งรายการไลฟ์สปอร์ตโปรแกรมมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ขณะที่รายการภาคพื้นดินออกอากาศตามเวลาจริงไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ และ ปฏิเสธไม่ได้ในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้วเพราะกฎ มัสต์แฮฟ ประกาศใช้เมื่อปี 2555 แต่ตอนนี้เข้าปี 2567 ระบบบริบทได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ดังนั้นบอร์ด กสทช.จึงมีมติเอกฉันท์ในเรื่องยกเลิกสนับสนุนฟุตบอลโลก
สำหรับฟุตบอลโลก 2026 จัดให้มีการแข่งขันที่ ประเทศแคนาดา แม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา
ว่าด้วยเรื่องกฎ มัสต์แฮฟ (Must Have) หรือ หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สําคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะทางฟรีทีวี ประกาศนี้ออกมาปี 2555 หรือปี 2012 ก่อนฟุตบอลโลก 2014 โดยออกมาเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงเนื้อหารายการโทรทัศน์ได้อย่างเท่าเทียม โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ระบุว่า 7 มหกรรมกีฬาที่คนไทยต้องดูฟรี ประกอบด้วย กีฬาซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลก