ชัยวุฒิ จ่อฟ้องศาลฯปิดเฟซบุ๊ก ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ รับเงินโฆษณาเพจปลอม

21 ส.ค. 2566 | 14:07 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2566 | 14:14 น.

“ชัยวุฒิ” จ่อฟ้องเฟซบุ๊ก ภายใน 1 เดือน ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ รับเงินโฆษณาเพจปลอม หลังเชิญร่วมประชุมแล้วไม่มา พบคดีออนไลน์กว่า 3 แสนคดี มี 90% มาจากเฟซบุ๊ก เสียหายมากกว่าหมื่นล้านบาท

จากกรณีที่มีเว็บหลอกลวงลงโฆษณาบนเฟซบุ๊ก ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ลงเชื่อและลงทุนในเพจปลอมทำให้เกิดความเสียหาย จนทำให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส จัดแถลงช่าว เรื่องการหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนผ่านโฆษณาทาง FACEBOOK โดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส  กล่าวว่า ดีอีเอสจะดำเนินการฟ้องต่อศาล เพื่อขอคำสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ภายใน 1 เดือนไม่ให้บริการในไทย หลังจากที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก ได้มีการรับเงินโฆษณาจากเพจปลอม ที่หลอกชักชวนลงทุน จนเกิดความเสียหายต่อคนไทยจำนวนมาก

โดยจากสถิติการหลอกลวงลงทุนผ่านโซเซียลมีเดียกว่า 70% เป็นการหลอกลวงผ่านเฟซบุ๊ค และจำนวน 90% เป็นการหลอกขายของออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก มูลค่าความเสียหายมากกว่าหมื่นล้านบาท โดยกระทรวงดีอีเอสได้เชิญตัวแทนเฟซบุ๊กมาหารือถึงปัญหาดังกล่าวในวันนี้ (21 ส.ค.2566) แต่เฟซบุ๊กกลับไม่มาร่วมประชุม

ที่ผ่านมาเฟซบุ๊กมีการรับเงินจากเพจเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นรายได้เข้าบริษัท แต่กลับไม่มีการตรวจสอบว่าเป็นเพจที่หลอกลวงหรือไม่ แต่กลับปล่อยให้เพจเหล่านี้มาหลอกลวงคนไทยจำนวนมาก แม้ที่ผ่านมา ดีอีเอส จะรวบรวมเสนอศาลขอคำสั่งปิดแต่เพจเหล่านี้ก็จะไปเปิดใหม่ เหมือนแมวไล่จับหนู ไม่จบสิ้น

 

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะมีการแนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มด้วย ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาด้วย ขณะที่ทางดีอีเอสจะประสานกับทางตำรวจทำการรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องต่อศาลเพื่อปิดกั้นแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กไม่ให้บริการในไทย เนื่องจากผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ในการสบคบกับผู้กระทำผิดโดยการรับเงินโฆษณาจากมิจฉาชีพเหล่านี้

กระทรวงดีอีเอสต้องทำตามหน้าที่เสนอปิดกั้น ที่ผ่านมาพบการซื้อโฆษณามาหลอกลวงคนไทยจำนวนมาก โดยจะดำเนินการภายในเดือนนี้ แล้วก็มีดุลยพินิจของศาลว่าจะมีคำสั่งปิดกั้นหรือไม่ เป็นอำนาจของศาล และแพลตฟอร์มก็มีสิทธิร้องคัดค้าน  ส่วนจะเป็นการกระทบสิทธิของผู้ใช้งานทั่วไปหรือไม่นั้น ก็คงต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และก็ไม่กลัวทัวร์ลง โดยตนจะขอทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ฟ้องเฟซบุ๊กเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด ถือเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนลงจากตำแหน่ง.