นายสเตฟาโน สกันเดลลี รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก ของรีเล็กซ์ โซลูชันส์ ผู้ให้บริการโซลูชันการวางแผนด้านซัพพลายเชนและระบบค้าปลีกแบบรวมศูนย์ กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดค้าปลีกขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไม่เพียงแค่รองรับลูกค้าในประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลูกค้าในต่างประเทศด้วย
พร้อมกล่าวต่อว่า "อุตสาหกรรมค้าปลีกของไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มค้าปลีกต่างกำลังมองหาเทคโนโลยีและวิธีลงทุนให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค บริษัทเหล่านี้มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาศักยภาพในการแข่งขันให้มากที่สุดในตลาดค้าปลีกที่คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 127,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.45 ล้านล้านบาท) ในปี 2566"
ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ในปี 2561 มูลค่าการค้าปลีกรวมในไทยอยู่ที่ราว 113,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.97 ล้านล้านบาท) และคาดว่าจะแตะระดับ 127,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.45 ล้านล้านบาท) ในปี 2566 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สำหรับการลงทุนในประเทศไทยนั้น รีเล็กซ์ โซลูชันส์วางแผนที่จะเปิดสำนักงานในกรุงเทพฯ ภายในสิ้นปี 2566 รวมถึงการเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญ การลงทุนครั้งสำคัญดังกล่าวจะช่วยตอบโจทย์หลายเรื่อง เช่น เพิ่มการสนับสนุนตลาดในประเทศ ปรับปรุงบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น การปรับระบบให้สอดคล้องกับประเทศไทย และการขยายบริการให้รองรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รีเล็กซ์ โซลูชันส์ จัดลำดับแนวโน้มความสำคัญด้านค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคในไทย ซึ่งประกอบไปด้วย การทำตลาดในรูปแบบออมนิแชแนล (Omni Channel) ความสามารถในการสร้างผลกำไร และความยั่งยืน ทั้งนี้โซลูชันของรีเล็กซ์ โซลูชันส์ มีคุณสมบัติเฉพาะตัวในการช่วยให้บริษัทต่างๆในภูมิภาคให้สามารถตามติดแนวโน้มที่สำคัญเหล่านี้ และประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตได้ในตลาดที่ไม่หยุดนิ่ง
แม้อีคอมเมิร์ชจะได้รับความนิยมตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และที่ผ่านมาธุรกิจภาคค้าปลีกในประเทศแบบออมนิแชแนลก็มีการลงทุนมหาศาลกับช่องทางการขายต่างๆ โดยเฉพาะอีคอมเมิร์ช พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปหลังวิกฤติโรคระบาด ลูกค้าต้องการเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางที่แตกต่างกันในแต่ละวัน นั่นหมายถึงบริษัทค้าปลีกต้องเผชิญกับความต้องการที่หลากหลาย ความคาดหวังที่มากขึ้นและจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม ดังนั้นบริษัทค้าปลีกต่างๆ จึงต้องมีความคล่องตัวสูงและเปิดกว้างให้ลูกค้าเข้าถึงลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงการจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย
จริงอยู่ที่ว่ารายได้จากการค้าปลีกก้อนใหญ่มาจากการทำโปรโมชัน แต่งานวิจัยจากรีเล็กซ์ โซลูชันส์ พบว่า 1 ใน 3 ของรายการส่งเสริมการขาย ไม่ได้สร้างผลกำไรแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทค้าปลีกโดยทั่วไปไม่มีระบบที่ช่วยชี้วัดประสิทธิผลของโปรโมชันที่ผ่านมาว่าให้ผลกำไรเพียงใด แต่แพลตฟอร์มโซลูชัน AI ของรีเล็กซ์ สามารถคาดการณ์ได้ว่า โปรโมชันใดให้ผลดีและทำกำไรได้ เพื่อให้บริษัทค้าปลีกมีสินค้าที่ใช่พร้อมจำหน่ายและให้บริการแก่ลูกค้าได้ในราคาที่เหมาะสม
ประเด็นความยั่งยืนก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญของแวดวงค้าปลีก บริษัทค้าปลีกต่างมุ่งเน้นไปที่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ เช่น ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และของเสีย ประเด็นนี้ยิ่งสำคัญมากขึ้นสำหรับผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหารสด ที่ต้องมีการติดตามอายุการวางสินค้าบนชั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
โซลูชันหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวก็คือ การหาจุดสมดุลที่เหมาะสมโดยการสต็อกอาหารสดให้หลากหลายพอสำหรับลูกค้า ขณะเดียวกันก็ต้องบริหารจัดการให้มีสินค้าเพียงพอจำหน่ายในราคาที่เหมาะสม และมีโปรโมชันที่ดี ความมุ่งมั่นของรีเล็กซ์ โซลูชันส์ ต่อการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และประเด็นความเท่าเทียมทางสังคม ทำให้บริษัทได้วางตำแหน่งเทคโนโลยีเอาไว้ในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดการอาหารสดอย่างมีประสิทธิภาพและใส่ใจต่อความยั่งยืนในอุตสาหกรรมค้าปลีกไปพร้อมกัน
ภายใต้หลักคิดดังกล่าว สเตฟาโน กล่าวว่า "รีเล็กซ์ โซลูชันส์ ได้เห็นพัฒนาการด้านช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายในไทย ซึ่งในปี 2566-2567 รีเล็กซ์ โซลูชันส์ จะให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือบริษัทค้าปลีกในการเพิ่มผลกำไร อีกทั้งรีเล็กซ์ โซลูชันส์ ยังคาดการณ์ด้วยว่า ความยั่งยืนจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับบริษัทค้าปลีกในไทย