ChatGPT ระบบ ซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ ในรูปแบบ แชตบอต ที่พัฒนาโดย บริษัทโอเพ่นเอไอ (OpenAI) สามารถร่างข้อความ แต่งบทกลอน บทเพลง เขียนภาพ หรือแม้แต่เขียนรหัสคอมพิวเตอร์ตามคำสั่ง กำลังได้รับความสนใจและมีการนำมาใช้ในแวดวงต่างๆอย่างกว้างขวาง ทั้งยังกระตุ้นนักลงทุนให้นำเม็ดเงินมาสนับสนุนบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อการใช้งานในแวดวงต่างๆ และขณะนี้ ก้าวการพัฒนาที่ว่าก็ลามมาถึงวงการ สถานบันเทิงและดนตรี
The Glove That Fits เป็นไนต์คลับแห่งหนึ่งที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่นี่เป็นสถานบันเทิงแห่งแรกๆที่ทดลองนำระบบ AI มาใช้ในการสร้างท่วงทำนองร้อยเรียงเป็นดนตรีขับกล่อมลูกค้าและบรรดาขาแดนซ์ที่มาเที่ยวไนต์คลับแห่งนี้
"เราสามารถใช้ AI สร้างเสียงเพลงที่ไพเราะ และเรายังเล่นเพลงเหล่านั้นให้ผู้คนฟังได้" จอร์จ พินเนการ์ ให้ความเห็นกับสำนักข่าวรอยเตอร์ เขาเป็นเจ้าของสถานบันเทิงผู้เปิดใจรับและโปรโมทเทคโนโลยี AI นี้อย่างเต็มตัว
แอปพลิเคชัน"มูเบิร์ท" (Mubert) เป็นแอปฯสร้างเสียงดนตรีที่คิดค้นและพัฒนาโดยทีมนักออกแบบซอฟต์แวร์ชาวยูเครนและรัสเซีย พวกเขาฝีกให้ AI ขับเคลื่อนจังหวะเพลงเทคโนและเสียงกลองที่ลงตัวโดยใช้ตัวอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้น จากนั้น AI ก็จะสร้างแทร็กใหม่ล่าสุด ผู้ใช้แอปฯนี้สามารถกดชอบหรือไม่ชอบเพลงที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา และแอปฯก็จะปรับเสียงดนตรีให้ดีขึ้น
ในขณะเดียวกันนักดนตรีที่สร้างตัวอย่างเสียงเพลงขึ้นมา ก็จะได้รับส่วนแบ่งเมื่อเสียงเพลงของพวกเขาถูกใช้งานโดย AI
พอล สกอร์แดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) วัย 35 ปีของ Mubert ซึ่งตัวเขาเองเป็นทั้งดีเจและนักดนตรีด้วย มองว่าการใช้งานระบบ AI ที่เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้นักดนตรีบางคนตกงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เขากล่าวว่า “เราต้องการที่จะรักษางานของนักดนตรี แต่ด้วยวิธีของเราเอง” นั่นก็คือการให้โอกาสนักดนตรีเหล่านั้นในการสร้างรายได้ด้วยระบบ AI เพื่อเป็นการสร้างงานใหม่ให้กับบรรดานักดนตรี
อย่างไรก็ดี บูทดีเจที่ The Glove That Fits คลับ ซึ่งมักเป็นจุดสนใจของงานปาร์ตี้จะว่างเปล่า เพราะเมื่อเปิดเพลงด้วย AI ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ดีเจ
ทั้งนี้ ในการทดลองเพื่อดูว่าบรรดานักเที่ยวและนักดื่มจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อดีเจระบบ AI กันบ้าง ผลปรากฏว่า ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในยามค่ำคืน นักเที่ยวเหล่านั้นก็สามารถลงความเห็นได้ ตัวอย่างดังนี้