Muze ดันธุรกิจค้าปลีกสู่ความสำเร็จยุคดิจิทัล

04 มี.ค. 2564 | 16:20 น.

Muze ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบค้าปลีกหลากลายช่องทางให้กับธุรกิจในไทยในการผสานช่องทางการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ ไปพร้อมๆกับที่ธุรกิจกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของการค้าปลีก Muze ได้ช่วยธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของไทยมากมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า การรักษาฐานลูกค้าเก่า และเสริมประสิทธิภาพระบบปฏิบัติการด้วย inCart โซลูชั่นที่พัฒนาและถือกรรมสิทธิ์โดยบริษัท Muze

นายพีรณัฎฐ์ ทูลแสงงาม ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เว็บไซต์และโซลูชั่นด้านแอพพลิเคชันสัญชาติไทยแบบครบวงจรให้กับธุรกิจ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท Muze กล่าวว่าในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกหลายรายต้องเผชิญกับความท้าทายจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ส่งผลให้จำนวนลูกค้าหน้าร้านลดลง ช่องทางการขายออนไลน์ได้กลายเป็นช่องทางสำคัญสำหรับแบรนด์ในการสร้างยอดขายเนื่องจากลูกค้าหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้รายได้ในตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยในปีที่ผ่านมาสูงขึ้นกว่า 22.1% .  โดยแบรนด์ที่ได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีรวมถึงแพลตฟอร์มการขายของตัวเองมีธุรกิจที่เติบโตและประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าช่องทางการขายออนไลน์จะยังคงมีความสำคัญอย่างต่อเนื่องแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดจะดีขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีการปรับตัวและต้องการการมีปฏิสัมพันธ์กับร้านค้า รวมถึงการมีประสบการณ์การซื้อสินค้าที่หลากหลายต่างกันและเป็นแบบเฉพาะตัวมากขึ้น 

Muze ดันธุรกิจค้าปลีกสู่ความสำเร็จยุคดิจิทัล

Muze ร่วมมือกับธุรกิจค้าปลีกมากมายในการปรับตัวมาขายช่องทางออนไลน์ ผ่านโซลูชั่น web-based ที่ Muze พัฒนาขึ้น โดยการผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการจัดการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและประสบการผู้ใช้งาน (User Experience) ที่มาพร้อมกับระบบชำระเงินความปลอดภัยสูง รวมถึงระบบหลังบ้านทรงประสิทธิภาพ โดย Muze ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูและพัฒนาเพื่อสร้างความสำเร็จในช่องทางขายออนไลน์ให้กับธุรกิจค้าปลีก 

 “สิ่งสำคัญที่ทุกแบรนด์ควรให้ความสำคัญในยุคปัจจุบันคือการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงช่องทางที่ช่วยสร้างยอดขายเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นแต่ยังส่งเสริมธุรกิจของแบรนด์ในอีกหลายๆด้าน โดยแพลตฟอร์มที่ดีจะต้องสามารถแสดงข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารวางแผนกลยุทธิ์ทางการตลาดได้แม่นยำมากขึ้น รวมถึงแบรนด์ยังสามารถเป็นผู้ออกแบบและควบคุมการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าได้เอง ซึ่งแบรนด์ไม่สามารถทำได้หากใช้บริการแพลตฟอร์มจากผู้ให้บริการรายอื่น โดยทีมงานของ Muze ช่วยสร้างโซลูชั่นอีคอมเมิร์ซที่เหมาะกับแบรนด์นั้นๆโดยเฉพาะ สามารถใช้งานได้ง่ายทั้งฝั่งลูกค้าและทีมขายของแบรนด์เอง”

 

 

Muze ได้เริ่มทำงานร่วมกับบริษัท แม็คกรุ๊ป หนึ่งในผู้นำด้านแฟชั่นค้าปลีกของประเทศไทยในปี 2017 โดย 4 ปีที่ผ่านมาบริษัท แม็คกรุ๊ป ได้ทำการผสานช่องทางขายออฟไลน์ที่มีกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ เข้ากับช่องทางออนไลน์เพื่อตอบโจทย์กลยุทธ์การสร้างช่องทางขายแบบหลากหลายช่องทาง (Omnichannel) โดยกลยุทธ์ดังกล่าวช่วยลดการสต็อกสินค้าในแต่ละสาขา และยังจัดเก็บข้อมูลความชอบของลูกค้าแต่ละราย ให้พนักงานขายสามารถแนะนำสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้า และเสนอการขายเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับให้บริการรูปแบบเฉพาะตัวในเวลาเดียวกัน

นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เราจึงต้องพัฒนากลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของเราคือ การผสานประสบการณ์ของลูกค้าทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งนอกจากจะช่วยขยายฐานลูกค้าแล้ว ยังเป็นการสร้าง customer loyalty ให้เราสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะในยุคที่ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัล โดย Muze ถือเป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญที่มีความเข้าใจในเป้าหมายและสามารถตอบโจทย์การทำงานของเราได้อย่างลงตัว และเรามีการสื่อสารกันอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าโซลูชั่นที่กำลังพัฒนานี้สามารถตอบโจทย์การทำงานขององค์กรและพาเราไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งใจได้อย่างแท้จริง”

ในปี 2563 ที่ผ่านมาบริษัท แม็คกรุ๊ป เติบโตและประสบความสำเร็จสวนกระแสตลาดจากการพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเอง โดยบริษัทมีผลกำไรกว่า 12.7% เทียบกับอุตสาหกรรมแฟชั่นในภาพรวมที่มีผลกำไร 0.7% และอุตสาหกรรมการค้าทั่วไปที่ 3.7%

นอกจากความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโซลูชั่นช่องทางขายหลากหลายช่องทาง (Omnichannel) สำหรับธุรกิจค้าปลีกแล้ว Muze ยังเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโซลูชั่นเทคโนโลยีที่ออกแบบเฉพาะธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2555 ทีมงานของ Muze ได้พัฒนาโซลูชั่นสื่อสารและแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต (OTT) สำหรับธุรกิจสื่อและบันเทิง โซลูชั่นด้านการบริหารจัดการแก่หน่วยงานรัฐบาล รวมถึงพัฒนาแอพพลิเคชันฟังเพลงที่ประสบความสำเร็จติดอันดับ 1 ใน 20 แอพพลิเคชันฟังเพลงที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดทั้งในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา

นายพีรณัฎฐ์ กล่าวเสริมว่า“เราพัฒนาโซลูชั่นด้านดิจิทัลจากการที่เราตั้งใจรับฟังและเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า โดยผมเชื่อว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และเราตั้งใจที่จะเดินหน้าพัฒนาโซลูชั่นนวัตกรรมที่จะยกระดับองค์กรและช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”