แม้ว่าซีรีส์เกาหลี “START-UP” จะปิดฉากสุดท้ายกันไปแล้ว แต่กระแสของธุรกิจสตาร์ทอัพในชีวิตจริงก็ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากใครที่ได้รับชมตลอดทั้งเรื่องก็จะทราบดีว่าหลายฉากหลายตัวละครได้สร้างแรงบันดาลใจ และมอบเทคนิคต่างๆ ที่ดีสำหรับสตาร์ทอัพไทย
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการถ่ายทอดบทบาทสตาร์ทอัพผ่านสื่อภาพยนต์หรือซีรีส์ในหลายเรื่อง เช่น The Social network ที่เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Facebook หรือในฝั่งของประเทศไทยก็เคยมีภาพยนตร์เรื่อง App War (2018) ที่เล่าเรื่องการแข่งขันระหว่าง 2 สตาร์ทอัพที่ทำแพลตฟอร์มแอพพลิเคชัน และในปี 2020 กระแสสตาร์ทอัพถูกปลุกให้คึกคักอักครั้งด้วยซีรีส์ START-UP ของเกาหลี ซึ่งกระแสดังกล่าวทำให้คนทั่วไปเข้าใจและรู้จักการทำธุรกิจสตาร์ทอัพมากยิ่งขึ้น เพราะเรื่องถูกราวถูกถ่ายทอดออกมาให้เข้าใจง่าย ผ่านตัวละครหลักอย่าง นัมโดซาน ซอดัลมี ฮันจีพยอง โดยบทบาทของทั้ง 3 คน สะท้อนบุคลิกของผู้เล่นในวงการธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีทั้งคนเก่ง คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ผู้ที่มีความตั้งใจ นักธุรกิจที่มีแผนที่ชัดเจนในการดำเนินงาน รวมทั้งกลุ่มคนที่มีความฝันแต่ยังขาดการแต่งแต้มเติมเต็มให้เป็นสตาร์ทอัพที่สมบูรณ์แบบ
ขณะที่เกาหลีใต้สามารถปั้นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นได้มากถึง 11 ราย (สตาร์ทอัพที่มีการลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์) จากการส่งเสริมจากทางภาครัฐ โดยในซีรีส์ใช้ "SandBox" เป็นพื้นที่ถ่ายทอดแนวคิดการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ และการสนับสนุนสตาร์ทอัพของรัฐบาล เป็นเสมือนศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ มีการอบรมสร้างโมเดลธุรกิจ ค้นหา CEO และให้ทุนสำหรับก่อตั้งบริษัท และจ้างพนักงานจนกว่าธุรกิจจะสามารถระดมทุนหรือสร้างรายได้เองได้ รวมทั้งเป็นศูนย์ที่จะสร้างเครือข่ายให้แก่สตาร์ทอัพ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่สำหรับสตาร์ทอัพแบบครบวงจร เพราะนอกจากจะให้คำปรึกษาแล้วยังจะได้พื้นที่สำหรับเป็นออฟฟิศด้วย รวมทั้งได้รวบรวมบริษัทด้านการลงทุนเข้ามาไว้ใน Sandbox ซึ่งแนวคิดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเกาหลีใต้ให้ความสำคัญในการผลักดัน อำนวยความสะดวก และสนับสนุนให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากภาคธุรกิจเอกชน นอกเหนือไปจากการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้สตาร์ทอัพมากที่สุด
“นอกเหนือจากแนวคิดการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพอย่างชัดเจนของเกาหลีใต้ที่ถูกถ่ายทอดผ่านซีรีส์ “START-UP” ยังแสดงให้เห็นอีกว่าเกาหลีใต้ให้ความสำคัญในการสร้างสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี AI ที่ในอนาคตระบบนี้จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในบริบททางเศรษฐกิจและสังคมไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตรกรรม การให้บริการผู้พิการ การลดปัญหาอาชญากรรม รวมถึงการใช้ระบบ AI ในสถาบันการเงิน และอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
อย่างไรก็ตามหากมองกลับมาที่ประเทศไทยนั้น ปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มนักรบทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะสตาร์ทอัพในสายเทคโนโลยี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในภารกิจของ NIA
หากเปรียบเทียบกับซีรีส์แล้ว NIA เปรียบเสมือนเป็น SandBox ของธุรกิจสตาร์ทอัพไทย ที่สร้างโอกาสและพื้นที่ให้สตาร์ทอัพได้เข้ามาแชร์ไอเดีย ทดลองทำนวัตกรรม ให้คำแนะนำในการสร้างโมเดลธุรกิจ รวมทั้ง การสนับสนุนด้านเครือข่าย และเงินทุน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสตาร์ทอัพไทยก็มีความสามารถไม่แพ้สตาร์ทอัพชาติอื่นทั้งด้านเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ เพียงแค่ต้องแต่งเติมเสริมในบางมุม เช่น รูปแบบการขยายผลทางธุรกิจ และการต่อยอดในระดับสากล จะเห็นได้ว่าการวางแผนที่ดีเปรียบเสมือนฐานบ้านที่มั่นคง และเป็นเข็มทิศนำทางให้ไปสู่จุดหมายได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะมีประสบการณ์หรือเก๋าเกมขนาดไหนทุกธุรกิจล้วนจำเป็นต้องพึ่งแผนที่ดีแทบทั้งสิ้น