sustainable

ฝุ่น PM 2.5 วันนี้ "ตราด-สิงห์บุรี" วิกฤต "แม่ฮ่องสอน" อากาศดีที่สุด

    ค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้ 2 ก.พ.68 'ตราด-สิงห์บุรี-ยโสธร' วิกฤติหนักระดับสีแดง กทม.ค่าเฉลี่ยระดับสีส้ม แต่หลายเขตก็สีแดง ภาคเหนือตอนบนอากาศ โดยเฉพาะ "แม่ฮ่องสอน" อากาศดีที่สุด

รายงานวิเคราะห์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ประจำวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 08.00 น. จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศผ่านระบบตรวจวัดของ GISDA พบสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ดังนี้

 

พื้นที่วิกฤติ (สีแดง: มากกว่า 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) สถานการณ์น่าวิตกในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดตราดที่พบค่าฝุ่นละอองสูงที่สุดถึง 111.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานกว่า 2 เท่า

รองลงมาคือจังหวัดสิงห์บุรีที่ 106.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และยโสธรที่ 92.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ยังพบพื้นที่วิกฤติอีกหลายจังหวัด ได้แก่

 

พื้นที่สีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ

 

ค่าฝุ่น PM 2.5 มากกว่า 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จำนวน 19 จังหวัด

  1. ตราด (111.1)
  2. สิงห์บุรี (106.7)
  3. ยโสธร (92.1)
  4. ชัยนาท (87.8)
  5. หนองคาย (87.7)
  6. ศรีสะเกษ (87.5)
  7. ลพบุรี (85.7)
  8. อ่างทอง (84.9)
  9. ร้อยเอ็ด (84.7)
  10. หนองบัวลำภู (82.4)
  11. กาฬสินธุ์ (82.3)
  12. นครพนม (80.7)
  13. สระบุรี (80.3)
  14. สมุทรสงคราม (79.9)
  15. สุรินทร์ (79.5)
  16. อุบลราชธานี (79.2)
  17. มุกดาหาร (78.0)
  18. ฉะเชิงเทรา (77.2)
  19. ปราจีนบุรี (75.2)

พื้นที่สีส้ม เริ่มมีผลต่อสุขภาพ

ค่าฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่ 38-75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จำนวน 45 จังหวัด ได้แก่

 

  1. อุดรธานี (74.7)
  2. ปทุมธานี (74.6)
  3. กรุงเทพมหานคร (74.1)
  4. ขอนแก่น (73.1)
  5. ชลบุรี (72.5)
  6. พระนครศรีอยุธยา (71.9)
  7. อำนาจเจริญ (71.4)
  8. นครราชสีมา (70.2)
  9. สระแก้ว (70.1)
  10. บุรีรัมย์ (70.1)
  11. นครสวรรค์ (70.0)
  12. อุทัยธานี (69.2)
  13. เพชรบุรี (69.1)
  14. จันทบุรี (68.9)
  15. มหาสารคาม (68.5)
  16. สมุทรปราการ (68.0)
  17. ราชบุรี (67.9)
  18. สุพรรณบุรี (66.7)
  19. เลย (66.4)
  20. นนทบุรี (65.9)
  21. ชัยภูมิ (65.8)
  22. นครปฐม (65.2)
  23. สกลนคร (65.2)
  24. ระยอง (63.7)
  25. สมุทรสาคร (62.1)
  26. เพชรบูรณ์ (61.5)
  27. นครนายก (61.2)
  28. กำแพงเพชร (60.3)
  29. กาญจนบุรี (58.7)
  30. พิจิตร (58.1)
  31. ประจวบคีรีขันธ์ (56.1)
  32. พิษณุโลก (55.3)
  33. บึงกาฬ (51.5)
  34. ตาก (48.2)
  35. สุโขทัย (45.8)
  36. ปัตตานี (45.6)
  37. ยะลา (45.6)
  38. นราธิวาส (45.6)
  39. พัทลุง (45.6)
  40. สงขลา (45.5)
  41. น่าน (45.2)
  42. ตรัง (45.1)
  43. สตูล (44.9)
  44. อุตรดิตถ์ (44.8)
  45. ภูเก็ต (42.1)

 

พื้นที่สีเหลือง

คุณภาพอากาศปานกลาง ที่มีฝุ่น PM 2.5 ระดับ 25-37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จำนวน  9 จังหวัด

  1. พังงา (36.5)
  2. ระนอง (34.4)
  3. ชุมพร (34.0)
  4. นครศรีธรรมราช (33.9)
  5. สุราษฎร์ธานี (32.3)
  6. เชียงราย (31.7)
  7. แพร่ (31.2)
  8. พะเยา (31.1)
  9. กระบี่ (28.2)

 

พื้นที่สีเขียว-พื้นที่สีฟ้า

คุณภาพอากาศดี ค่าฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่ระดับน้อยกว่า 20 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร -25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รวม 4 จังหวัด

  1. ลำปาง (24.3)
  2. เชียงใหม่ (14.4)
  3. ลำพูน (14.3)
  4. แม่ฮ่องสอน (12.5)

 

ทั้งนี้ กทม. ค่าเฉลี่ยพบว่า 50 เขตอยู่ในระดับสีส้ม แต่เมื่อเจาะลึกลงไปดูรายละเอียดพบว่ามี 10 เขตใน กทม. ที่มีค่า PM 2.5 สูงสุดระดับสีแดง ดังนี้ 

  1. หนองจอก - 96.2 (สีแดง)
  2. ลาดกระบัง - 89.8 (สีแดง)
  3. สายไหม - 89.6 (สีแดง)
  4. คลองสามวา - 83.2 (สีแดง)
  5. มีนบุรี - 81.8 (สีแดง)
  6. บางเขน - 80.9 (สีแดง)
  7. คันนายาว - 80.4 (สีแดง)
  8. สะพานสูง - 80.4 (สีแดง)
  9. ดอนเมือง - 78.3 (สีแดง)
  10. บึงกุ่ม - 75.9 (สีแดง)

 

ฝุ่น PM 2.5 วันนี้ \"ตราด-สิงห์บุรี\" วิกฤต \"แม่ฮ่องสอน\" อากาศดีที่สุด

 

การวิเคราะห์สถานการณ์:

 

พื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงเป็นพื้นที่วิกฤติที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจังหวัดตราดที่มีค่าฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐานอย่างมาก

 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงอยู่ในระดับเสี่ยง แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับวิกฤติ แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

 

พื้นที่ภาคเหนือตอนบนมีคุณภาพอากาศดีที่สุด โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และลำพูน ซึ่งมีค่าฝุ่นละอองต่ำกว่า 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

 

ข้อแนะนำสำหรับประชาชน:

 

  • ประชาชนในพื้นที่วิกฤติควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว
  • ควรสวมหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กเมื่อต้องออกนอกอาคาร
  • ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด และใช้เครื่องฟอกอากาศภายในอาคารหากเป็นไปได้
  • ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • งดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเผาไหม้หรือฝุ่นละอองในพื้นที่