เคาะแก้กฎหมาย เว้นภาษีที่ดิน เพิ่มที่ดินรถไฟฟ้า เริ่ม 1 ม.ค.68

18 ธ.ค. 2567 | 04:39 น.

มติ ครม. ล่าสุด แก้กฎหมายยกเว้นภาษีที่ดินรถไฟฟ้า ครอบคลุมห้องอุปกรณ์-ชานชาลาสถานี เทียบเท่ารถไฟ มีผล 1 ม.ค. 68 ช่วยลดภาระผู้ประกอบการขนส่งทางราง

คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 17 ธ.ค. 67 มีมติรับทราบ ร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของนิยามคำว่า “ทางรถไฟฟ้า” ให้ครอบคลุมสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกิจการรถไฟและรถไฟฟ้าในการยกเว้นภาษี

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง

ปัจจุบัน กฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ได้ระบุให้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็น ทางรถไฟ หรือ ทางรถไฟฟ้า ซึ่งใช้ในกิจการของการรถไฟหรือรถไฟฟ้าโดยตรงได้รับการยกเว้นภาษี

อย่างไรก็ตาม พบว่านิยามคำว่า “ทางรถไฟ” มีขอบเขตที่ครอบคลุมมากกว่า โดยรวมถึงห้องระบบอาณัติสัญญาณและชานชาลาที่ใช้รอขึ้นลงรถไฟ

แต่คำว่า “ทางรถไฟฟ้า” กลับไม่มีการระบุในลักษณะเดียวกัน ส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างของทางรถไฟได้รับการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากกว่าของทางรถไฟฟ้

เพื่อความสอดคล้องและเป็นธรรม ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ จึงเสนอให้แก้ไขนิยามคำว่า “ทางรถไฟฟ้า”

โดยเพิ่มเติมส่วนที่ครอบคลุมสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานรถไฟฟ้าโดยตรง ได้แก่:

  • ห้องอุปกรณ์อาณัติสัญญาณภายในสถานี
  • ห้องควบคุมระบบบังคับสัมพันธ์ภายในสถานี
  • ห้องอุปกรณ์สื่อสารภายในสถานี
  • ชานชาลาสถานีเฉพาะพื้นที่ที่ผู้โดยสารรอขึ้น-ลงรถไฟฟ้า

ผลบังคับใช้

ร่างกฎกระทรวงนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับกำหนดการประเมินภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะเริ่มแจ้งการประเมินภาษีแก่ผู้เสียภาษีภายในเดือนกุมภาพันธ์ของแต่ละปี

วัตถุประสงค์

ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับทางรถไฟและทางรถไฟฟ้า

สร้างความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้เสียภาษีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนกิจการขนส่งทางรางและบรรเทาภาระภาษีอย่างเท่าเทียม

สรุปผลที่คาดว่าจะได้รับ

ร่างกฎกระทรวงนี้จะช่วยสร้างความเป็นธรรมในการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับกิจการขนส่งทางรางประเภทต่าง ๆ พร้อมทั้งเพิ่มความชัดเจนให้กับทั้งผู้ประกอบการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดเก็บภาษีต่อไป