Q3 รับสร้างบ้านซึมกำลังซื้อหาย พีดีเฮ้าส์ เปิดสาขาเมืองรองดันยอด

02 ต.ค. 2564 | 21:21 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2564 | 04:29 น.

พีดีเฮ้าส์แจงรับสร้างบ้านอีก 3 เดือนยังชะลอตัวต่อเนื่องฉุดกำลังซื้อไตรมาส 3 หาย หันขยายรับงานอินทีเรีย พร้อมเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ราชบุรี ตั้งเป้าเจาะกำลังซื้อพื้นที่เมืองรอง รับการขยายตัวความต้องการสร้างบ้านตจว.

นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ประเมินความต้องการสร้างบ้านใหม่ของประชาชนทั่วประเทศ ในช่วงไตรมาส 3 ชะลอตัวลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา คาดเป็นผลมาจากการประกาศล็อกดาวน์ของรัฐบาล และความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 รอบใหม่ และทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต กอปรกับความเชื่อของผู้บริโภคบางส่วนในต่างจังหวัด ที่ไม่นิยมปลูกสร้างบ้านในช่วงเข้าพรรษาหรือฤดูฝน ยิ่งส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านซบเซาลง

 

โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สะท้อนได้จากผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ที่แข่งขันกันสูงมาก ต่างกระหน่ำโปรโมชั่น ลด แจก แถม กันดุเดือด ตัวอย่างเช่น ลดราคาสูงสุด 15-33% หรือต่อเติมฟรีมูลค่าสูงสุด 2 ล้านบาท ฯลฯ

 

“จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ผู้บริโภคที่เคยวางแผนจะสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนใหญ่เลือกที่ชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไปก่อน ด้วยเหตุผลรอดูความชัดเจนของนโยบายภาครัฐในการบริหารจัดการโรคระบาดโควิด-19 และมีความกังวลว่าเศรษฐกิจประเทศจะฟื้นตัวได้ช้า อย่างไรก็ตามความจำเป็นที่ต้องมีบ้านหลังใหม่ เพื่อใช้เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงาน (Work from home) หรือเป็นเซฟโซนในการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่พฤติกรรมของผู้คนในสังคมเปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมากพอ ความต้องการสร้างบ้านหลังที่ 2 ในต่างจังหวัด จึงเกิดขึ้นและขยายตัวขึ้นตามลำดับในช่วงปีนี้และในอนาคต”

พีดีเฮ้าส์เองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว สังเกตได้จากจำนวนผู้บริโภคที่สนใจสร้างบ้านติดต่อเข้ามาลดลงถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสก่อน ดังนั้นจึงต้องหันมาปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด โดยมุ่งเน้นสื่อสารถึงความแตกต่างและมาตรฐานด้านการให้บริการก่อน-หลังการขาย กระบวนการก่อสร้าง คุณภาพผลงานเมื่อสร้างแล้วเสร็จ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ภายใต้แบรนด์พีดีเฮ้าส์ ที่มีสาขาให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัด

 

นอกจากนี้ ยังเพิ่มการให้บริการออกแบบ-ตกแต่งภายในและจัดสวนแบบครบวงจร ซึ่งจากการปรับกลยุทธ์แข่งขันดังกล่าว ส่งผลให้สามารถทำยอดขายบ้านในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 210 ล้านบาทเศษ เติบโตสวนทางกับตลาดที่ซบเซาและทำให้ยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมทุกสาขาเกือบ 800 ล้านบาท โดยลูกค้าที่ใช้บริการสร้างบ้านจำแนกออกเป็นกลุ่มราคาบ้าน 2-3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18% กลุ่มราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38% กลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36% และกลุ่มราคาบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็น 8%

ด้าน น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิ์และมาตรฐานธุรกิจรับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้าน 9 เดือนแรกที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมาปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ทั้งการปรับวิธีการสื่อสารกับลูกค้าที่เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์และบริการ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย-ข้อแตกต่าง พร้อมให้คำปรึกษาในรายละเอียดการก่อสร้างที่คนอยากสร้างบ้านต้องรู้ เพื่อให้ลูกค้าคลายความกังวลใจและป้องกันการเกิดข้อขัดแย้งหรือความเข้าใจผิดในอนาคต โดยไม่เลือกใช้วิธีตั้งราคาสูงแล้วหั่นราคาหรือลดราคาเกินจริง หรือกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจด้วยราคา ไม่ใช่ที่ตัวผลิตภัณฑ์และบริการอย่างแท้จริง

 

สำหรับ ไตรมาสสุดท้ายยอมรับว่าคาดการณ์ตลาดรับสร้างบ้านได้ยาก เนื่องจากยังคงมีปัจจัยลบอยู่รอบด้าน ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การเมือง และการแพร่ระบาดของโควิด19 แม้ภาครัฐจะพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแต่ก็ยังไม่ครอบคลุมมากพอทำให้ผู้บริโภคยังมีความกังวล รวมถึงปัญหาน้ำท่วมขังจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ภาคอีสาน ส่งผลกระทบจนทำให้ได้รับความเสียหาย เช่น น้ำท่วมบริเวณโดยรอบหรือใกล้เคียงไซต์งานก่อสร้าง ต้นทุนค่าขนส่ง หรือการขนส่งวัสดุที่ล่าช้าออกไป และคาดการณ์จะทำให้สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านชะลอตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามพีดีเฮ้าส์เองก็คงต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ตามแผนปลุกกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ พร้อมกันนี้เตรียมเปิดสาขาใหม่จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นการขยายสาขาในพื้นที่เมืองรอง เพื่อสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด รองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง

 

นอกจากนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ได้เตรียมเปิดตัวแบบบ้านใหม่อีก 1 ซีรีส์ จำนวน 4 แบบ ระดับราคา 5-8 ล้านบาท พร้อมรายการวัสดุ-อุปกรณ์ก่อสร้างภายใต้คอนเซ็ปต์บ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีความแตกต่างจากบริษัทรับสร้างบ้านรายอื่น