'พราว'ดันคอนโดลักชัวรี สวนกระแสอสังหาขาลง  

25 ม.ค. 2563 | 06:00 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ม.ค. 2563 | 13:53 น.
691

 

ระยะที่การเปิดโครงการใหม่ขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูง เป็นที่จับตาของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดอยู่ในสภาพมีความเสี่ยงรอบด้านแม้แต่ตลาดบนที่กลุ่มลูกค้า คนมีเงิน ไม่ได้รับผลจากเศรษฐกิจชะลอตัว หรือติดกับดักมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) เช่น ลูกค้ากลุ่มอื่นๆ แต่ก็ยังถูกคาดการณ์ว่าความต้องการในตลาดดังกล่าวจะชะลอลดลง เนื่องจากความเชื่อมั่นในการซื้อ หรือความน่าสนใจในการลงทุนไม่เหมือนก่อน อีกทั้งการซื้อเพื่อปล่อยเช่าระยะยาวกลายเป็นภาระ เมื่ออาจต้องถูกเรียกเก็บภาษีการครอบครองจากกฎหมายใหม่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เตรียมประกาศใช้ และ ขณะนี้ก็ยังมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด ขณะที่ นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัทซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ในแง่ของกลุ่มลูกค้าต่างชาติในตลาดบนนั้น กำลังได้รับผลกระทบจากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่แพ้กัน ส่งผลให้อสังหาฯในไทย มีราคาแพงขึ้นสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการลงทุนเปรียบเงินบาทแข็งค่าขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับเงินหยวน และแข็งค่าขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม นอกจากได้เห็นการปรับตัวของผู้พัฒนาฯ ลดเปิดโครงการและกระจายความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ แล้ว ทำเลแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น หัวหิน พัทยา ภูเก็ต และกระบี่ ได้กลายเป็นโอกาสให้กับนักพัฒนา เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังมีบวก ทั้งยังมีโครงสร้างพื้นฐานของไทยที่กำลังขยายตัวอย่างมาก เป็นส่วนเสริมรองรับ

 

ข่าวเด่นฐานเศรษฐกิจ

ไทยสูญรายได้ Q1 ร่วม 5 หมื่นล. หลัง"สี จิ้นผิง" ห้ามทัวร์จีนเที่ยวทั่วโลก

ผวาฝุ่นพิษ-ไวรัสโคโรนา ทุบซ้ำ“ทัวร์ตรุษจีน”

เทศมองไทย2020 ท่องเที่ยวปรับอย่างไรให้อยู่รอด

 

ที่ดินติดหาดที่ดีที่สุด และแพงที่สุด ด้วยมูลค่า 150 ล้านบาทต่อไร่ รวม 7 ไร่เศษ ผืนสุดท้ายใจกลางเมืองหัวหิน กลายเป็นที่ตั้งของการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยระดับลักชัวรี ภายใต้แบรนด์ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท แห่งแรกและแห่งเดียวของไทย มูลค่า 3.5 พันล้านบาท ด้วยราคาขายต่อยูนิต สูงสุดมากกว่า 100 ล้านบาท ถือเป็นการท้าทายตลาด พร้อมๆกับการปูทางของบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ในการบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยอีกขั้น โดยนางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหารบริษัท ระบุยอมรับว่า ปี 2563 เป็นปีที่เหนื่อยยากสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพราะภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์ความขัดแย้งในต่างประเทศ รวมถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็งไม่เกื้อหนุน ทั้งนี้การเปิดโครงการที่อยู่อาศัย ราคามากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่กลุ่มที่อยู่อาศัยหลักของลูกค้า หรือลักษณะบ้านตากอากาศ, คอนโดฯ หลังที่ 2 ในขณะนี้นั้นเปรียบเป็นการสวนกระแสตลาดไม่น้อย ท่ามกลางบรรยากาศที่คนไม่เชื่อมั่นในการนำเงินออกมาใช้ แต่มั่นใจในตัวโปรดักต์ที่เชื่อว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน จะสามารถดึงกำลังซื้อจากกลุ่มที่มีความต้องการได้

\'พราว\'ดันคอนโดลักชัวรี สวนกระแสอสังหาขาลง  

 

เรามีจุดแข็งจากรากฐานเรื่องบริการโรงแรมกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และที่อยู่อาศัยผนวกรวมกัน มากกว่ารายอื่นที่ทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งโครงการนี้ถือเป็นแบรนเด็ด เรสิเดนต์ ลักชัวรีคลาส ในเมืองเดสติเนชันด้านการท่องเที่ยว ซึ่งไม่มีใครเคยทำมาก่อน จึงกล้าลองตลาด และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี

 

ด้านนายไพสิฐ แก่นจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท กล่าวเสริมว่า การพัฒนาและการขายโครงการดังกล่าว จะแบ่งออกเป็นเฟส ช่วงชิงรอจังหวะให้ตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคัก ขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีของผู้ซื้อ ในการเก็บสินทรัพย์ราคาดี เริ่ม 1.8 แสนบาทต่อตร.. สวนทางช่วงตลาดขาขึ้น โปรดักต์ระดับนี้อาจมีราคาสูงถึง 2.5 แสนบาทต่อตร.. และคาดในอนาคตราคาที่ดินของโครงการ อาจแตะไปถึงระดับ 200 ล้านบาทต่อไร่ เช่นเดียวกับทำเลเมืองท่องเที่ยว อย่างพัทยา และภูเก็ต เพราะทุกวันนี้ หัวหิน เติบโตและมีศักยภาพสูงจากแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลของรัฐบาล กลายเป็นทางเลือก และเป็นตลาดที่กว้างขวางขึ้นจากทั้งลูกค้ากลุ่มชาวไทยและชาวต่างชาติวัยเกษียณที่ต้องการเข้ามาอยู่อาศัย โดยความเป็นแบรนเด็ดระดับโลกผ่านการจับมือกับพันธมิตรไอเอชจี กรุ๊ปเจ้าของเชน อินเตอร์คอนติเนนตัล จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และถือเป็นใบเบิกทางครั้งสำคัญของบริษัท ผ่านการทำโปรดักต์ที่ถนัด บนโลเกชันที่คุ้นชิน

โครงการนี้เป็นสเต็ปสำคัญของบริษัท ที่จะสร้างฐานรายได้ที่ดี มีกลุ่มลูกค้าที่แข็งแกร่ง สร้างความสำเร็จให้ผู้ถือหุ้นผ่านโครงสร้างรายได้ที่มั่นคง แน่นอน และมีกลยุทธ์ในการก้าวไปในอนาคต ผ่านจุดแข็งที่มีรอบด้าน

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างวางแผนและเตรียมศึกษาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ อีก 1-2 โครงการในปี 2563 ด้วยมูลค่าต่อโครงการประมาณ 500-700 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตทางรายได้ เปิดกว้างทั้งในรูปแบบร่วมพัฒนากับพันธมิตร และพัฒนาเองผ่านการเทกโอเวอร์ เล็งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา ตามเป้าหมายสำคัญ ยอดขาย 2 พันล้านบาทต่อปี

 

หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,542 วันที่ 23-25 มกราคม 2563