เริ่มแล้ว ประกันภัยข้าวนาปี-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565

11 พ.ค. 2565 | 16:30 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2565 | 23:31 น.
2.0 k

คปภ. ขานรับมติ ครม. ลงนามแบบกรมธรรม์ ประกันภัยข้าวนาปี ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตสว์แล้ว เพื่อให้ทันเพาะปลูกปีการผลิตปี 2565 เร่งเดินสายให้ความรู้เกษตรกร รับมือภัยธรรมชาติ

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.มีความพร้อมและสามารถขับเคลื่อนโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 และโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 ตามนโยบายของรัฐบาลทันทีเพื่อให้ทันฤดูกาลเพาะปลูก

เริ่มแล้ว ประกันภัยข้าวนาปี-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565

ทั้งนี้ได้ลงนามให้ความเห็นชอบแบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัย และอัตราเบี้ยประกันภัย สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี และกรมธรรม์ประกันัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 3 ฉบับ ดังนี้

  1. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 เพื่อกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  2. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์)
  3. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ส่วนเพิ่ม

 

กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีทั้ง 3 ฉบับ ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัย 2 หมวด ดังนี้

หมวดที่ 1 ภัยน้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยจากช้างป่า โดยแยกความคุ้มครองเป็น 2 ส่วนคือ

  • ส่วนที่ 1 ความคุ้มครองพื้นฐาน อยู่ที่ 1,190 บาทต่อไร่
  • ส่วนที่ 2 ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม อยู่ที่ 240 บาทต่อไร่

 

หมวดที่ 2 ภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด โดยแยกความคุ้มครองเป็น 2 ส่วนคือ

ส่วนที่ 1 ความคุ้มครองพื้นฐาน อยู่ที่ 595 บาทต่อไร่

ส่วนที่ 2 ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม อยู่ที่ 120 บาทต่อไร่

ทั้งนี้ ภัยดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีการประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น เกษตรกรที่ทำประกันภัยโดยเลือกซื้อความคุ้มครองทั้งส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 ในคราวเดียวกันของหมวดที่ 1 จะได้รับ ความคุ้มครองรวมอยู่ที่ 1,430 บาทต่อไร่ และหมวดที่ 2 จะได้รับความคุ้มครองรวมอยู่ที่ 715 บาทต่อไร่

 

สำหรับค่าเบี้ยประกันภัยและสัดส่วนการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย ดังนี้

  1. เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. จะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยทั้งหมด โดยรัฐบาลและธ.ก.ส.
  2. เกษตรกรทั่วไปและเกษตรกรลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่ต้องการซื้อประกันภัยเพิ่ม จะจ่ายเบี้ยประกันภัยตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย โดยจะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยบางส่วนจากรัฐบาลในส่วนที่ 1 ความคุ้มครองพื้นฐาน
  • ถ้าเป็นพื้นที่สีเขียวมีความเสี่ยงภัยต่ำ เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนที่เหลือ 39.60 บาทต่อไร่
  • พื้นที่สีเหลืองมีความเสี่ยงภัยปานกลาง เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนที่เหลือ 139.60 บาทต่อไร่
  • พื้นที่สีแดงมีความเสี่ยงภัยสูง เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนที่เหลือ 158.60 บาทต่อไร่

 

สำหรับเบี้ยประกันภัยในส่วนที่ 2 ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยเองทั้งหมดตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย

  • พื้นที่สีเขียวมีความเสี่ยงภัยต่ำ จ่ายเบี้ยประกันภัย 27 บาทต่อไร่
  • พื้นที่สีเหลืองมีความเสี่ยงภัยปานกลาง จ่ายเบี้ยประกันภัย 60 บาทต่อไร่
  • พื้นที่สีแดงมีความเสี่ยงภัยสูง จ่ายเบี้ยประกันภัย 110 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

กำหนดวันเริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบโครงการฯ โดยภาคเหนือ กลาง อีสาน สิ้นสุดการทำประกันภัยถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ยกเว้น จังหวัดตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สิ้นสุดการทำประกันภัยวันที่ 30 มิถุนายน 2565 และภาคใต้สิ้นสุดการทำประกันภัยวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งเกษตรกรสามารถซื้อ กรมธรรม์ประกันภัยได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา 

 

ขณะที่กรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 จำนวน 3 ฉบับ ดังนี้

  1.  กรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 เพื่อกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  2. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์)
  3. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ส่วนเพิ่ม

 

กรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้ง 3 ฉบับ ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัย 2 หมวด ดังนี้

 

หมวดที่ 1 ภัยน้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยจากช้างป่า แยกความคุ้มครองเป็น 2 ส่วนคือ

  • ส่วนที่ 1 ความคุ้มครองพื้นฐาน อยู่ที่ 1,500 บาทต่อไร่
  • ส่วนที่ 2 ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม อยู่ที่ 240 บาทต่อไร่

 

หมวดที่ 2 ภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด โดยแยกความคุ้มครองเป็น 2 ส่วนคือ

  • ส่วนที่ 1 ความคุ้มครองพื้นฐานอยู่ที่ 750 บาทต่อไร่
  • ส่วนที่ 2 ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม อยู่ที่ 120 บาทต่อไร่

 

ภัยดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีการประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น เกษตรกรที่ทำประกันภัยโดยเลือกซื้อความคุ้มครองทั้งส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 ในคราวเดียวกันของหมวดที่ 1 จะได้รับความคุ้มครองรวมอยู่ที่ 1,740 บาทต่อไร่ และหมวดที่ 2 จะได้รับความคุ้มครองรวมอยู่ที่ 870 บาทต่อไร่

 

โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 ได้กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) ออกเป็น 2 ส่วนคือ

ส่วนที่ 1 (Tier 1) อัตราเบี้ยประกันภัยพื้นฐาน

  1. ลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของ ธ.ก.ส. จะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยทั้งหมด โดยรัฐบาลและ ธ.ก.ส. อุดหนุนเบี้ยประกันภัย
  2. เกษตรกรทั่วไปหรือลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่ต้องการซื้อประกันภัยเพิ่มจะจ่ายตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย โดยจะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยบางส่วนจากรัฐบาล ในส่วนที่ 1 ความคุ้มครองพื้นฐาน
  • พื้นที่สีเขียวมีความเสี่ยงภัยต่ำ เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนที่เหลือ 60 บาทต่อไร่
  • พื้นที่สีเหลืองมีความเสี่ยงภัยปานกลาง เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนที่เหลือ 260 บาทต่อไร่
  • พื้นที่สีแดงมีความเสี่ยงภัยสูง เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนที่เหลืออีก 460 บาทต่อไร่   

 

สำหรับเบี้ยประกันภัยในส่วนที่ 2 ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยเองทั้งหมดตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย

  • พื้นที่สีเขียวมีความเสี่ยงภัยต่ำ จ่ายเบี้ยประกันภัย 90 บาทต่อไร่
  • พื้นที่สีเหลืองมีความเสี่ยงภัยปานกลาง จ่ายเบี้ยประกันภัย 100 บาทต่อไร่
  • พื้นที่สีแดงมีความเสี่ยงภัยสูง จ่ายเบี้ยประกันภัย 110 บาทต่อไร่ (เบี้ยประกันภัยความคุ้มครองส่วนเพิ่มยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์)

 

กำหนดแบ่งจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็น 2 รอบ ตามฤดูเพาะปลูก โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูฝน เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบโครงการฯ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้งจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2566 ซึ่งเกษตรกรสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา