“ทนายอั๋น”ร้องตำรวจสอบ สว. ใช้เวทีสภาผิดวัตถุประสงค์ ฟอกขาว-แทรกแซง ป.ป.ช.

05 มี.ค. 2568 | 17:23 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มี.ค. 2568 | 17:32 น.

“ทนายอั๋น”ร้องตำรวจสอบ สว.กลุ่มหนึ่ง ใช้เวทีสภาผิดวัตถุประสงค์ ฟอกขาว-แทรกแซง ป.ป.ช. อาจเข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

วันนี้ (5 มี.ค .68) ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมลงบันทึกประจำวัน ขอให้ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มหนึ่ง ที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย โดยใช้เวทีของสภาผิดวัตถุประสงค์มาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทนายอั๋น กล่าวว่า  สว.มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในฐานะตัวแทนประชาชน แต่กลับพบว่า มีการใช้เวทีอภิปรายเพื่อ “ฟอกขาว” ตัวเอง และอาจมีการแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้อาจเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

นอกจากนี้ ทนายอั๋น ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่ม สว. ลงชื่อสนับสนุนให้มีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยตั้งข้อสังเกตว่า สว. กลุ่มนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.กลุ่มที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 2.กลุ่มที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน 

“สามารถเห็นได้ชัดเจนในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา งบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงาน สภา ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเบี้ยเลี้ยง ควรถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่กลับถูกใช้ไปกับการเปิดแอร์เย็น ๆ เพื่อให้พวกเขามานั่งซักฟอกตัวเอง เหมือนเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมที่ควรถูกตรวจสอบ”

นอกจากนี้ ทนายอั๋นยั งตั้งคำถามถึง สว. ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับกรณี “โพยหลุด” กว่า 1,000 รายชื่อว่า ทำไมจึงไม่ออกมาชี้แจงความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่กลับพยายามหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การเข้าสู่ตำแหน่ง สว. ของบุคคลเหล่านี้ อาจมีการ “ฮั้ว” กันมาตั้งแต่ระดับอำเภอ เพื่อปูทางให้พวกพ้องของตนเองได้เข้าสู่สภา

                      “ทนายอั๋น”ร้องตำรวจสอบ สว. ใช้เวทีสภาผิดวัตถุประสงค์ ฟอกขาว-แทรกแซง ป.ป.ช.

“นี่คือสิ่งที่พวกคุณต้องแก้ต่าง ไม่ใช่การข่มขู่ หรือบังคับเพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบ หากพฤติกรรมเช่นนี้ยังดำเนินต่อไป สว.ชุดนี้ ควรถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน”

ทั้งนี้ ยังมี สว.รายหนึ่ง ที่มีบทบาทในการออกกฎระเบียบเพิ่มเติม เช่น การห้ามหาเสียง ห้ามประชาสัมพันธ์ และ การออกระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อรองรับการเลือกตั้ง สว. โดยระบุว่า พฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่าย “อั้งยี่ซ่องโจร” ซึ่งเป็นกระบวนการวางแผนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบ และหากพบว่า มีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะมาตรา 157 อาจนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป