Moto GP VS F1 วัดใจการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล

04 มี.ค. 2568 | 16:11 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มี.ค. 2568 | 16:19 น.

Moto GP กำลังจะหมดสัญญาลงในปี 2569 ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดที่ใช้จัดการแข่งขันมาตลอด 7 ปี ขณะที่รัฐบาลเริ่มสนใจการเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน F1 แทน ถือเป็นการวัดใจการเมือง ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล

นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โพสต์เฟซบุ๊ค สรุปถึงผลการจัดงาน PT GRAND PRIXOF THAILAND 2025 ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 2 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ณ  สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยระบุว่า สามรถสร้างเงินสะพัดได้ถึง 5,043 ล้านบาท มีผู้เข้าร่วมงาน 224,634 คน จากงบการจัดงานเพียง 775 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการเขียนแคปชั่นว่าโดยมีใจความว่า ไทยจัด Moto GP มา 7 ปีติดต่อกัน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้จัดการแข่งขันในนามของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของเจ้าของลิขสิทธิ์จัดการแข่งขันที่ต้องการทำงานร่วมกับรัฐบาล 

Moto GP VS F1 วัดใจการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล

สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนับสนุนสนามแข่งขันโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายทุกปี และพร้อมให้การสนับสนุนตลอดไปหากยังจัดการแข่งขันอยู่ โดยรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมและรายได้จากผู้สนับสนุนการแข่งขัน หรือ สปอนเซอร์ เป็นของรัฐบาลทั้งหมด  

บริษัทบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ในฐานะเจ้าของสนามช้างฯ ไม่มีรายได้ทางตรง และต้องเสียรายได้จากการส่งมอบสนามให้รัฐบาลใช้เตรียมการจัดการแข่งขันและแข่งขัน เป็นเวลา 1 เดือน (คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท) 

“ผมเพิ่งได้รับทราบว่า รัฐบาล จะจัดการแข่งขัน Moto GP ปี 2026 เป็นปีสุดท้าย และจะไม่ต่อสัญญาอีก ซึ่งต้องยอมรับการพิจารณาตัดสินใจของรัฐบาล แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายอย่างมาก เพราะการจัดการแข่งขัน รัฐบาลลงทุน ปีละ ไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนอีกไม่น้อยกว่าปีละ 300 ล้านบาท แต่สร้างเงินทุนหมุนเวียนส่งเสริมธุรกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจ มากกว่า 5,000 ล้านบาท”

 

นายกฯเปิดช่อง ต่อสัญญา Moto GP

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันจันทร์ที่ 3 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา โดยระบุถึงเรื่องนี้ว่า การแข่งขัน MotoGP ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และยังมีโอกาสคุยว่าจะเป็นอย่างไร ขณะที่การพิจารณาว่าจะเป็น ‘ครั้งสุดท้าย’ หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า ต้องดู ‘ตัวเลข’ ที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามานำเสนอว่า ตัวเลขข้างในเป็นอย่างไร มีผลต่อประเทศอย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีประโยชน์หรือ ‘ขาดทุน’ ก็ต้องเอามาดูว่าเป็นอย่างไร จะได้สนับสนุนงบประมาณได้ถูกต้อง

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 67 สเตฟาโน โดเมนิกาลี่ (Mr. Stefano Domenicali) ประธานกรรมการบริหารบริษัท Formula One Group เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น หารือจัดการแข่งขัน F1 โดยฝ่ายไทยได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา และเสนอพื้นที่เพื่อจัดการแข่งขัน แต่ผลการพิจารณาทำประชาพิจารณ์ไม่ผ่าน เนื่องจากมีความกังวลเรื่องเสียงรถที่จะกระทบต่อโบราณสถาน-โบราณวัตถุ บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์

ต่อมาวันที่ 20 ธ.ค.​ 2567 คณะทำงานพิจารณาพื้นที่จัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง Formula 1 (F1) เสนอพื้นที่เป้าหมายในระยะแรกสำหรับจัดการแข่งขัน สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จ.ระยอง , ย่านถนนราชดำเนิน, ย่านจตุจักร, บริเวณรอบสถานีรถไฟกรุงเทพ และบริเวณรอบเมืองทองธานี

โดยคณะทำงานมองว่า ย่านจตุจักร กทม. เหมาะสมสำหรับจัดการแข่งขันประเภท "ซิตี้ เรซ” เสนอใช้พื้นที่โดยรอบสวนสาธารณะ 3 แห่ง ได้แก่ สวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ครอบคลุมเส้นทางรวมประมาณ 5-6 กม. 

และล่าสุดวันที่ 20 ม.ค. 68 ไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน Formula 1 (F1) ปี 2027 ในรูปแบบการแข่งขันสตรีท ไนท์ เรซ เช่นเดียวกับสนามในสิงคโปร์ สถานที่จัดการแข่งขันศึกษาพื้นที่บริเวณสวนจตุจักร ใช้นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกแบบสนาม เพื่อส่งให้สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) พิจารณา

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า FIA จะเดินทางมาดูพื้นที่ภายในเดือน ก.พ. 68 แต่ขั้นตอนสำคัญคือต้องนำเรื่องการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ ซึ่งยังไม่มีตัวเลขงบประมาณที่ชัดเจน โดยโมเดลของการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ รัฐบาลเชื่อว่าไทยจะคืนทุนในปีแรก เพราะตลาด F1 มีมูลค่าการลงทุนสูงมาก เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการค้าขาย ร้านอาหาร การท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังสามารถจัดอีเวนท์บันเทิงในลักษณะเฟสติวัล มีการแสดงคอนเสิร์ต ดึงเม็ดเงินจากภาคธุรกิจบันเทิงได้

สำหรับมูลค่าการลงทุน ในส่วนของ Moto GP มีค่าใช้จ่ายราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยหากคิดเป็นเงินไทยรวมทุกค่าใช้จ่ายแล้ว รัฐบาลไทยจ่ายเงินสนับสนุนปีละ 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นภาคเอกชนอีกราว 300 ล้านบาท ผู้ชมต่อสนาม 3 ล้านคน มากสุดคือ เลอมังส์, ฝรั่งเศส 297,000 คน โดย บุรีรัมย์ ประเทศไทย ถือเป็นอันดับ 3 ที่มีผู้ชมต่อสนามสูงสุด สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ปีละมากกว่า 5 พันล้านบาท

ขณะที่การแข่งขัน F1 ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นคือ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่า Moto GP มากกว่า 7 เท่า โดยมีผู้ชมต่อสนามสูงกว่า Moto GP กว่าสองเท่า คือ 6.5 ล้านคน มากที่สุดอยู่ที่สหราชอาณาจักรกว่า 408,000 คน แต่ยังไม่ได้มีการประเมินเม็ดเงินสะพัดทางเศรษฐกิจออกมาแต่อย่างใจ

อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ เป็นประธานของสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มีส่วนเกี่ยวข้องแบบเต็ม ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมืองเข้าแทรกแซงการกีฬาหรือไม่ เช่นกรณีของ “อาถรรพ์เขากระโดง” ที่ดินพิพาท จ.บุรีรัมย์ ที่ปัจจุบันยังไม่สิ้นสุด ยังมีคดีติดพันและน่าจะหาข้อสรุปได้ยาก

นอกจากนี้ หากย้อนไปในอดีต ยังมีวลีอมตะ “มันจบแล้วครับนาย” โดย ‘เนวิน ชิดชอบ’ ถึง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ในวันที่เคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกัน แต่สุดท้ายเกิดเหตุทำให้ไปกันต่อไม่รอด ซึ่งต้องรอดูว่าปัจจุบัน เรื่องนี้จะยังเป็นปมในใจใครหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ลองเช็คเสียงของผู้ที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาก็จะทราบดีว่า ‘สีน้ำเงินมีพาวเวอร์ไม่น้อยเลยทีเดียว’