ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เผยถึงจำนวน บจ. ที่ประกาศการรับซื้อหุ้นคืน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 จำนวน 30 บริษัท คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 36,845 ล้านบาท แบ่งเป็น บจ. ใน SET จำนวน 26 บริษัท วงเงินรวม 26,590 ล้านบาท และ mai จำนวน 4 บริษัท วงเงินรวม 255 ล้านบาท
PTT ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 470 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 23 ก.ย.68 ล่าสุดซื้อหุ้นคืนแล้ว 117.56 ล้านหุ้น ใช้เงินไป 3,779.89 ล้านบาท
HMPRO ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 800 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 30 ก.ย. 68 ล่าสุดซื้อหุ้นคืนแล้ว 1 ล้านหุ้น ใช้เงินไป 8.37 ล้านบาท
TTB ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 3,500 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 1 ส.ค. 68 ล่าสุดซื้อหุ้นคืนแล้ว 308.10 ล้านหุ้น ใช้เงินไป 600.06 ล้านบาท
STECON ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 17 ก.ย. 68 ล่าสุดซื้อหุ้นคืนแล้ว 99,600 หุ้น ใช้เงินไป 547,800 บาท
SKR ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 87.50 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 25 ก.ย. 68 ปัจจุบันยังไม่มีการซื้อหุ้นคืน
PSL ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 155.93 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 29 ส.ค. 68 ล่าสุดซื้อหุ้นคืนแล้ว 14.52 ล้านหุ้น ใช้เงินไป 92.03 ล้านบาท
PRM ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 3 ก.ย. 68 ล่าสุดซื้อหุ้นคืนแล้ว 52.02 ล้านหุ้น ใช้เงินไป 337.43 ล้านบาท
ACE ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 400 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 5 ก.ย. 68 ล่าสุดซื้อหุ้นคืนแล้ว 11.99 ล้านหุ้น ใช้เงินไป 15.30 ล้านบาท
ASP ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 210 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 30 ก.ย. 68 ปัจจุบันยังไม่ดำเนินซื้อหุ้นคืน
EKH ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 63.49 ล้านหุ้น เริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. 68 และครบกำหนดโครงการดังกล่าว วันที่ 11 ก.ค. 68 ล่าสุดซื้อหุ้นคืนแล้ว 27.77 ล้านหุ้น ใช้เงินไป 174.36 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เหตุผลในการ "ซื้อหุ้นคืน" ของเหล่า บจ. นั้น หลักๆ เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) รวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ให้มากขึ้น
รวมยังเพื่อเป็นการตอกย้ำและแสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องของบริษัทยังคงมีเหลืออยู่เพียงพอ ด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ตลอดจนยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว