วันนี้ (8 ก.พ. 68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า หลังจากที่ออกนโยบาย 7 มาตรการเข้มข้น นับตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2568 และขีดเส้นตาย 7 วันให้ทุกหน่วยดำเนินการ พบว่า ผลการดำเนินงานตาม 7 มาตรการเข้มข้น ทั้งด้านการปราบปราม การป้องกัน การให้ความช่วยเหลือ เห็นผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ
จึงสั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) และศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ซึ่งมี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เดินหน้าขับเคลื่อนการปฏิบัติต่อเนื่องอย่างเต็มกำลัง เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป
ในส่วนของพื้นที่เสี่ยงที่เฝ้าระวังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะ อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่จะข้ามแดนไปยังฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ทั้งทางด่านตรวจ ท่าข้าม และ ช่องทางธรรมชาติ
และยังมีมาตรการในการป้องกันการย้ายฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะฝั่งชายแดนประเทศกัมพูชา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่ วมกับ กองทัพบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการร่วมกันอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานความร่วมมือในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทุกมิติ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศ และระดับนานาชาติ อาทิ INTERPOL , สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) , สถานเอกอัครราชทูตนานาประเทศ เป็นต้น เพื่อบูรณาการเดินหน้าในการปราบปรามอย่างไม่ลดละ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันหนักแน่นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะลุยต่อไม่แผ่วในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป มั่นใจการดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องจะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ไม่มีพื้นที่ให้มิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนได้อีก
“เราทำจริง เอาจริง ประชาชนต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรเหล่านี้อีกต่อไป” ผบ.ตร. ระบุ