อดีต “สว.อุปกิต” หนุนตัดไฟ - อินเตอร์เน็ต เมียนมา ลุยแก้ “คอลเซ็นเตอร์”

05 ก.พ. 2568 | 19:57 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.พ. 2568 | 20:01 น.

อดีต “สว.อุปกิต” หนุนตัดไฟ - อินเตอร์เน็ต เมียนมา แนะแก้ “คอลเซ็นเตอร์”เด็ดขาด ต้องจัดการ ฝั่ง “ปอยเปต – ลาว” ด้วย

นายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับมาตรการตัดไฟที่ส่งไปประเทศเมียนมา เพื่อแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ และธุรกิจผิดกฏหมาย  ซึ่งในความเป็นจริงรัฐบาลควรดำเนินการให้เร็วกว่านี้ ดังนั้นต้องขอบคุณนาย หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะกับคณะของประเทศจีนที่มาเมืองไทยแล้วเหมือนกดดันจนทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลงได้

 

อดีต “สว.อุปกิต” หนุนตัดไฟ - อินเตอร์เน็ต เมียนมา ลุยแก้ “คอลเซ็นเตอร์”

 

ส่วนภายหลังการตัดไฟแม้ในกรณีของพื้นที่ท่าขี้เหล็ก จะมีการนำไฟฟ้าจากประเทศลาวมาทดแทน แต่ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกล ระบบไฟฟ้าน่าจะไม่มีความเสถียร ขณะที่การตัดไฟในจุดอื่นๆ เชื่อว่า จะสามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งนอกจากการตัดไฟแล้วควรจะต้องตัดระบบสาธารณูปโภคทุกชนิดโดยเฉพาะอินเตอร์เน็ต รวมถึงจะต้องดำเนินการลักษณะเดียวกันนี้กับทางฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา และฝั่งประเทศลาวด้วย 

นายอุปกิต กล่าวว่า เมื่อ 15 ปีที่แล้ว พื้นที่ท่าขี้เหล็กไม่มีไฟฟ้าใช้และบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป ของตนได้รับสัมปทาน จากการไฟฟ้าท่าขี้เหล็ก โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไร สมัยที่ตนดำเนินธุรกิจ  ยังไม่มีปัญหาคอลเซ็นเตอร์  และพนันออนไลน์  แต่วันนี้ถือว่า เป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบความมั่นคงของประเทศ 

 

อดีต “สว.อุปกิต” หนุนตัดไฟ - อินเตอร์เน็ต เมียนมา ลุยแก้ “คอลเซ็นเตอร์”

 

นายอุปกิต ยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป มาตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากได้รับแต่งตั้งเป็น  สว. จึงขายกิจการโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจในเครือให้นายตุน มิน ลัต โดยช่วงแรกมีการโอนเป็นชื่อลูกเขยก่อนเพื่อรอการเตรียมการในรายละเอียดของขั้นตอนซื้อขาย เมื่อทุกอย่างลงตัวก็ทำสัญญาซื้อขายและโอนชื่อเป็นของผู้ซื้อ ส่วนกิจการไฟฟ้าเป็นการโอนสิทธิสัมปทานให้ โดยผู้รับสัมปทานรายใหม่ ยังคงใช้ชื่อบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป แต่เพิ่มวงเล็บ  พีแอนด์อี (Power and Electricity) ทั้งนี้ยืนยันว่า นักธุรกิจรายนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นนอมินีธุรกิจ คอลเซ็นเตอร์  พนันออนไลน์ หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ที่ผ่านมาด้วยวาระซ่อนเร้นทางการเมืองมีความพยายามที่จะโยงให้บริษัทฯ และตนเข้าไปเกี่ยวข้อง มีการดำเนินคดีนายตุน มิน ลัต ข้อหาร่วมกันสนับสนุนกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งศาลก็ได้ยกฟ้องไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี 2567