“อุ๊งอิ๊ง”ปลุกเพื่อไทยคัมแบ็คพรรคอันดับหนึ่ง

08 ธ.ค. 2566 | 11:34 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2566 | 11:53 น.

“เพื่อไทย”สัมมนาใหญ่ถอดบทเรียนเลือกตั้ง วางเป้าคัมแบ็คเป็นพรรคอันดับหนึ่ง "อุ๊งอิ๊ง" ลั่น "เพื่อไทย" ไม่ใช่ของตระกูลชินวัตร ทุกคนคือเจ้าของ ขอร่วมสร้างพรรคให้แข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งของประชาชน

พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้จัดสัมมนาประจำปี 2 วัน ระหว่างวันที่ 6-7 ธ.ค. 2566 ที่กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา โดยมีกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ส.ส. อดีต ส.ส. และบุคลากรทางการเมืองของเพื่อไทย เข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง

ในช่วงเช้าของวันที่ 7 ธ.ค. มีกิจกรรมบรรยายหัวข้อ “ถอดบทเรียนเพื่อไทยผ่านวิกฤตการเลือกตั้ง” โดย ดร.กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช นักวิชาการอิสระ เพื่อจัดวางจังหวะก้าวในการขับเคลื่อน และสร้างโอกาสให้พรรคเพื่อไทย พลิกฟื้นกลับมาได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง อีกครั้ง 

พท.ไม่ใช่ของ“ชินวัตร”

จากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวปิดการสัมมนาว่า การมาครั้งนี้ทำให้อบอุ่นขึ้น ใกล้ชิดขึ้น บางคนอยากให้จัดแบบนี้ทุกเดือนแต่ก็คงยาก อาจจะเป็นการจัดทุกปี 

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) ได้ช่วยกันระดมสมองว่า หากมอง 4 ปีข้างหน้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนพูดแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ไม่โฟกัสว่าจะอายุเท่าไร หรือตำแหน่งอะไร ซึ่งได้เปิดทางให้พูดคุยกันแบบผ่อนคลาย 

“ตอนนี้พรรคเพื่อไทยทราบอยู่แล้วว่า เรามีดีเอ็นเอมาจากพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคมีดีเอ็นเอมาจากผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แต่ดีเอ็นเอที่พูดถึงไม่ได้หมายถึงสายเลือด หรือ ตระกูล

แต่หมายถึงจุดรวมของพวกเรา ที่เป็นพรรคการเมืองที่นำประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นพรรคการเมืองที่อยากทำงานให้ประชาชนมีความสุข เน้นในเรื่องเศรษฐกิจความเป็นอยู่ ปากท้อง มากกว่าการที่จะสร้างวัฒนธรรมทางการเมือง” 

หลอมรวมคนรุ่นเก่า-ใหม่

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตลอดเวลา 3 เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และได้เกิดผลงานมากมาย และปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ รวมถึงรัฐมนตรีทุกคนที่ทำงานอย่างเต็มที่ 

โอกาสนี้จึงขออัญเชิญพระราชดำรัชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่พระราชทานให้แก่คณะเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทย ที่ได้เข้าเฝ้าเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทรงตรัสถึงคนรุ่นใหม่ ว่า “ทุกคนในที่นี้ และพระองค์เองก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาแล้วทั้งนั้น” ประโยคนี้สั้นๆ ลึกซึ้ง มีความหมายอย่างมาก แปลว่าคนเก่าของเราก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาก่อน 

                    “อุ๊งอิ๊ง”ปลุกเพื่อไทยคัมแบ็คพรรคอันดับหนึ่ง

“เราทุกวันนี้เป็นคนรุ่นใหม่ แต่เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร และมีความคิดที่จะช่วยกันรักษาประเทศไทยของเราได้อย่างไร นั่นก็คือ การหาอัพเดทความรู้ อัพเดทในสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้มากที่สุด ปรึกษากัน ให้ความรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ของเรา และก็ต้องติดตามเรื่องของเทคโนโลยีด้วย  เพื่อที่จะให้วัฒนธรรมคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าสามารถเอื้อประโยชน์ให้กันและกันได้ เพื่อสร้างประโยชน์ที่ดีที่สุดให้พี่น้องประชาชน” 

ถอดบทเรียนเลือกตั้ง

“ดังนั้น พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของดิฉัน ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค ก็จะทำงานให้มีประสิทธิภาพ นั่นคือ การทำให้เสาหลักของเราทั้ง 3 ขา คือ รัฐบาล พรรค และสภาฯ  โดยคณะรัฐบาล ก็ต้องสร้างผลงานในการบริหารประเทศ ส่วน ส.ส. ในสภาก็ต้องทำงานในการที่จะรับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชน เพื่อที่จะใช้พื้นที่ของสภาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้พี่น้องประชาชน” 

ส่วนของพรรคที่ตอนนี้กำลังทำอยู่ เช่น เรื่อง Digital life หรือข้อมูลต่างๆ โดยตลอด 20 กว่าปีที่ได้ตั้งพรรคมา ให้อยู่ในระบบที่เป็น digital ทั้งหมด ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานใช้ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อที่จะทำงาน และสื่อสารกับพี่น้องประชาชนต่อไปได้

อย่างที่สอง คือ ระบบเครือข่ายที่จริงจัง ที่เราจะทำระบบระบบเครือข่ายเกี่ยวกับครอบครัวของเพื่อไทยให้มั่นคงมากขึ้น ทำให้พี่น้องสามารถเข้าใกล้เราได้ และเข้าใกล้การเมือง เข้าใจการเมือง เข้าใจการสื่อสาร การทำงานของส.ส.เพิ่มมากขึ้น  

อย่างที่สามคือ Think Tank เราจะนำกลับมาทำใหม่ จะเปลี่ยนองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ซึ่งวันนี้ก็มีวิทยากรมาสรุปภาพรวมให้ฟัง ว่าที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง การมองความจริงต่างๆ ที่พรรคนำมาใช้การเลือกตั้ง ในการหาเสียงที่ผ่านมาเป็นอย่างไรอะไรได้ผล อะไรไม่ได้ผล อะไรที่ควรที่จะต้องปรับปรุงใหม่ จึงอยากให้ทุกคนได้เรียนรู้ และได้ทบทวนตัวเอง และภาพรวมของพรรคด้วย เพื่อที่จะทำให้ถอดบทเรียนออกมา และนำมาเรียนรู้กันต่อไป 

ปลูกสร้างพท.ให้แข็งแกร่ง

“อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งว่า ดิฉันคิดว่าครอบครัวของดิฉัน ไม่ใช่ครอบครัวของพรรคเพื่อไทย แต่เราทุกคนคือ ครอบครัวของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของผู้นำที่เก่ง ไม่ว่าจะเป็น ท่านทักษิณ ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และท่านนายกฯ เศรษฐา จะทำสำเร็จไม่ได้เลย

ถ้าไม่มีทีมที่สมบูรณ์คอยให้ข้อมูล ทีมที่ดี ทีมที่เก่ง ทีมที่คอยบอกว่าสิ่งนี้ดีแล้ว สิ่งนี้ยังต้องเพิ่มเติม ซึ่งการนำของผู้นำที่ดี มีผู้ตามที่แข็งแรง เหมือนพรรคเพื่อไทยของเรา จึงจะทำให้ผู้นำที่ดี สามารถนำได้สำเร็จได้” 

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า อยากจะบอกว่า 20 ปีที่ผ่านมา จนถึงทุกวันนี้ ความสำเร็จทุกอย่างเป็นของพวกเราทุกคน ตนขอให้ทุกๆ คนคิดว่านี่คือบ้านของเรา พรรคเพื่อไทยคือบ้านของเรา ตั้งแต่ ส.ส. เก่า ยัน ส.ส.ใหม่ นี่คือบ้านของเรา 

“ต่อจากนี้เราจะมาสร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรงไปด้วยกัน ให้พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนไปด้วยกัน และมีอะไรสามารถปรึกษากัน ช่วยกันให้กำลังใจกัน แน่นอนว่ามีวันที่ทุกข์ แต่วันที่สุขก็ต้องมาอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน” น.ส.แพทองธาร ระบุ   

ดัน“อุ๊งอิ๊ง”นายกฯ คนต่อไป

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวสรุปภายหลังการสัมมนาพรรคเพื่อไทยว่า จากการแบ่งกลุ่มพูดคุยของ ส.ส.10 กลุ่ม ได้พูดถึงอนาคตของพรรค เป็นไปทิศทางเดียวกัน คือ อยากให้พรรคกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งเหมือนเดิม  

ส่วนจะกลับมาอย่างไรนั้น หลายคนได้สะท้อนช่องห่างระหว่างประชาชนกับ ส.ส. และ รัฐบาล เป็นสิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคได้เน้นย้ำตั้งแต่รับตำแหน่ง ที่จะทำงานในแนวราบให้ช่องห่างระหว่างการสะท้อนปัญหาของประชาชน ถึง ส.ส.ไปยังรัฐบาลน้อยลง  

“เราต้องลดช่องห่างระหว่างการทำงานของ ส.ส. กับ รัฐบาล ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เรามั่นใจภายใต้รัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง และพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย น.ส.แพทองธาร จะเชื่อมต่อกันได้อย่างแนบชิด” 

เมื่อถามว่าการระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ใช่นายกฯ หญิงคนสุดท้าย หมายความว่าอย่างไร นายสรวงศ์ กล่าวว่า “เรามีหัวหน้าพรรคที่เป็นผู้หญิง เรามีหน้าที่ในการผลักดันแคนดิเดตของพรรคให้เป็นนายกฯ คนต่อไป แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นใคร 1 ใน 3 ที่เราจะผลักดัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เคาะ แต่เรามีหัวหน้าพรรคที่เป็นผู้หญิง เราก็พร้อมและหัวหน้าพรรคก็พร้อม”   

เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์กันว่าปีหน้าจะมีการปรับเปลี่ยนทางการเมือง นายกฯ หญิงจะมาปีหน้าเลยหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น อย่างที่บอกนายเศรษฐา ทำงานดีทำงานเร็วอยู่แล้ว มีความตั้งใจในการทำงาน และ น.ส.แพทองธาร ก็อยากมุ่งเน้นการทำงานกับพรรค ไม่ได้มุ่งเน้นการทำงานบริหารในขณะนี้  แต่อยากทำให้พรรคกลับมาแข็งแกร่ง ยูนิตี้เหมือนเดิม  

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจไม่ใช่นายกฯ หญิงคนสุดท้าย หมายความว่าอาจมีโอกาสชู น.ส.แพทองธาร ขึ้นเป็นนายกฯ หรือไม่ ว่า ในอนาคตก็คงไม่ผิดหรอก เป็นไปได้ แม้จะคงไม่ใช่อนาคตอันใกล้นี้ เพราะพรรคการเมืองก็มุ่งหวังให้หัวหน้าพรรคของตนเองได้เป็นนายกฯ ชนะการเลือกตั้งในโอกาสหน้า 

“วันนี้ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น วันนี้เรายังมีนายกฯ ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งทำงานรวดเร็ว คล่องแคล่ว ตั้งใจ และเชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาได้” นายสมศักดิ์ กล่าว