ยื่น ป.ป.ช. สอบปม "เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง" ให้-รับ "ผ้ามัดหมี่" ราคาเกิน 3 พันบาท

06 ธ.ค. 2566 | 11:15 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ธ.ค. 2566 | 11:18 น.

ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. ร้องสอบปม นายกรัฐมนตรี ซื้อผ้ามัดหมี่ 6,000 บาทเป็นของขวัญให้ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร เป็นการฝ่าฝืน ม.128 และมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่

6 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซื้อผ้ามัดหมี่ จำนวน 6,000 บาทไปมอบให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นการฝ่าฝืน ม.128 แห่ง พ.ร.ป.ป.ป.ช.2561 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้ออกมาเยี่ยมชมนิทรรศการและบูธขายสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ ที่บริเวณหน้าห้องประชุม ซึ่งบูธของกลุ่มแม่บ้านโนนสัง ซึ่งเป็นผู้ทอผ้าให้นายกฯ และกลุ่มแม่บ้านได้โชว์ผ้ามัดหมี่สีชมพูเข้มทอเป็นชื่อ อุ๊งอิ๊ง ชินวัตร เพื่อจะมอบให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

นายกฯจึงกล่าวว่า เดี๋ยวขอซื้อเพื่อนำไปให้ น.ส.แพทองธาร เอง ทั้งนี้ นายกฯได้ควักเงินส่วนตัวออกมาซื้อในราคา 6,000 บาท ท่ามกลางสายตาการรับรู้ รับทราบของประชาชนและสื่อมวลชนที่ยืนดูอยู่รายล้อมนายกรัฐมนตรี

หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาสมทบกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ร่วมลงพื้นเยี่ยมชมการทำเกษตรผสมผสานแบบพื้นบ้าน ของนางหนูปาน พรหมโคตร ที่บ้านนาหว้า ตำบลยางหล่อ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีมาถึงก็ได้มอบผ้ามัดหมี่ทอมือที่ปักชื่ออุ๊งอิ๊ง ที่ซื้อมามอบให้เป็นของขวัญ ซึ่งนางสาวแพทองธารก็ได้รับเอาไว้แล้วด้วย

การให้-รับของขวัญหรือของกำนัลเป็นผ้ามัดหมี่ที่มีราคาถึง 6,000 บาท ดังกล่าวถือว่า เป็นทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท อาจเข้าข่ายมีความผิดตาม ม.128 วรรคหนึ่ง แห่ง พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ประกอบข้อ 5 และข้อ 6 (1) ของประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ 2563 และ ข้อ 5 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่รัฐ 2565 ซึ่งเป็นข้อห้ามที่ทั้งสองควรที่จะต้องปฏิบัติเป็นต้นแบบที่ดี

แต่ทว่าบุคคลทั้งสองทั้งผู้ให้และผู้รับกลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเสียเอง และยังอาจถือได้ว่า เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงอีกด้วยในหลาย ๆ ข้อด้วย องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดบุคคลทั้งสองตามครรลองของกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวทิ้งท้าย