วันนี้ (19 ธันวาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือการกำหนดแนวทางควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 โดยตั้งเป้าหมายการลดสถิติอุบัติเหตุ และจำนวนผู้เสียชีวิตลงจากปีที่ผ่านมา
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในช่วงที่กำลังจะเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ 2568 ซึ่งจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก โดยในปี 2567 ที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 2,288 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 2,307 คน และเสียชีวิต 284 คน ซึ่งในปี 2568 นี้ รัฐบาลตั้งใจที่จะให้สถิติผู้เสียชีวิตลดลง
ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบการขยายระยะเวลาการเฝ้าระวังจากเดิม 7 วันอันตราย เป็น 10 วันอันตราย เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568
สำหรับแนวทางควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 มีแนวทางการดำเนินการอย่างเข้มงวด ดังนี้
1. รณรงค์การงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ภายใต้สโลแกน “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมขอความร่วมมือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ขยายเวลาการรณรงค์ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
2. การเข้มวงดการตั้งด่านชุมชน ด่านครอบครัว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุ โดยรัฐบาลได้มอบหมายฝ่ายปกครองไปดำเนินการขยายด่านชุมชนในเขตหมู่บ้านมากขึ้นกว่าทุกปีด้วย
3. เข้มงวดผู้ขับขี่ทุกรายที่เกิดอุบัติเหตุการถนน ต้องมีการตรวจแอลกอฮอล์ ถ้าพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนขยายผล ทุกกรณี
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ และจังหวัด ดำเนินการตามแนวทางการควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมกับศูนย์ความปลอดภัยทางถนนจังหวัด และมอบหมายอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ซึ่งมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็น ประธาน ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอย่างเข้มวงดต่อไป
"ในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงเทศกาลแห่งความสุขของคนไทย จึงอยากจะให้พวกเรามีความสุขด้วยการดื่มอยู่กับบ้าน ดื่มแล้วอย่าไปไหน ก็ให้นอนอยู่ที่บ้านเลยอุบัติเหตุจะได้ไม่เกิด" นายประเสริฐ กล่าว