'เครียดจนป่วย' ปัญหาสุขภาพจิต สู่ความผิดปกติทางกายที่ควบคุมไม่ได้

11 ม.ค. 2568 | 09:05 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ม.ค. 2568 | 16:07 น.
3.9 k

ภาวะ 'เครียดจนป่วย' ส่งผลให้เกิดโรค “Conversion Disorder” ปัญหาสุขภาพจิต สู่ความผิกปกติของร่างกายที่สมองควบคุมไม่ได้ ทำให้ร่างกายอ่อนแรงและการรับรู้ทางประสาทลดลง

พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ จิตแพทย์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ รพ.วิมุต กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันภาวะ 'เครียดจนป่วย' กลายเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ตลอด บ่อยครั้งการป่วยจากความเครียดไม่ใช่การแกล้งทำหรือการเรียกร้องความสนใจอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด อย่างกรณีล่าสุดของ “จ้าว ลู่ซือ” นางเอกสาวชาวจีนที่มีความเครียดจนป่วยหนัก มีภาวะร่างกายอ่อนแรงและการรับรู้ทางประสาทลดลง ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น “Conversion Disorder” 

โรคนี้เป็นปัญหาสุขภาพจิตไปรบกวนการทำงานของสมอง ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติทางกายที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมได้ ตอกย้ำให้สังคมเข้าใจว่าโรคทางจิตใจก็ทำให้เกิดความผิดปกติทางร่างกายได้

โดยปัญหาสุขภาพจิตจะไปขัดขวางการทำงานของสมอง คนไข้มักมีความผิดปกติทางกาย ทั้งด้านการเคลื่อนไหวและด้านประสาทสัมผัส แต่เมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วยการตรวจเลือดหรือการตรวจทางรังสีกลับไม่พบความผิดปกติ จึงไม่สามารถอธิบายโรคนี้ได้ แต่อาการทั้งหมดเกิดขึ้นจริงโดยที่ผู้ป่วยไม่ได้ตั้งใจ

\'เครียดจนป่วย\' ปัญหาสุขภาพจิต สู่ความผิดปกติทางกายที่ควบคุมไม่ได้

เครียด-กดดัน กระตุ้นการเกิดโรค

พญ. เพ็ญชาญา กล่าวว่า Conversion Disorder มักเกิดจากความเครียด ความกดดัน และประสบการณ์ที่มีผลกระทบต่อจิตใจจนแสดงอาการออกมาทางกาย เช่น ตัวชา ชัก พูดไม่ได้ ตาพร่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินไม่ได้ หรือไม่ได้ยิน ยกตัวอย่างกรณีที่น่าสนใจ วัยรุ่นทะเลาะกับแม่แล้วกรี๊ดออกมา หลังจากนั้นก็พูดไม่ได้เลย แต่ยังไอและทำเสียงอืออาได้ปกติ หลังจากนั้น 2-3 วันก็กลับมาพูดได้ 
"สมัยก่อนเราอาจได้ยินชื่อโรคฮิสทีเรีย ซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์ได้จัดให้อยู่ในกลุ่ม Conversion Disorder

โดยส่วนใหญ่มีอาการการคล้ายกัน อย่างการพูดหรือเดินไม่ได้แบบฉับพลัน อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือทหารในช่วงสงครามโลก เพราะต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดันในสนามรบสูงมากจนเกิดอาการทางกายจากโรคนี้"

การรักษาภาวะ 'เครียดจนป่วย' 

การวินิจฉัยกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับ Conversion Disorder จะประเมินด้วยเจตนาและเป้าหมายของผู้ป่วย โดยสามารถจำแนกได้คือ

  • Conversion Disorder เป็นภาวะที่ผู้ป่วยไม่มีเจตนาในการแสดงอาการ และอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอาการจริง ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยผลการตรวจร่างกาย
  • Factitious Disorder เป็นภาวะที่ผู้ป่วยแกล้งป่วยโดยเพื่อเรียกร้องความสนใจ
  • Malingering ภาวะที่ผู้ป่วยเจตนาแกล้งป่วยเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์หรือหลีกเลี่ยงภาระหน้าที่ 

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยการตรวจร่างกายและการวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อยืนยันว่าเป็น Conversion Disorder จริงหรือไม่ เพราะหากวินิจฉัยผิดพลาดอาจรักษาไม่ถูกวิธีและอาจทำให้ผู้ป่วยอาการแย่ลง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งวิธีจิตบำบัด กายภาพบำบัด หรือการใช้ยา โดยปรับให้เหมาะสมกับแต่ละคน 

\'เครียดจนป่วย\' ปัญหาสุขภาพจิต สู่ความผิดปกติทางกายที่ควบคุมไม่ได้

นอกจากนี้ ระหว่างการรักษาผู้ป่วยต้องมีคนอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจว่าอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายดี อาจต้องระวังคำพูดอย่าง 'ตรวจร่างกายแล้วก็ปกติ' หรือ 'คิดไปเองหรือเปล่า' เพราะอาจกระทบจิตใจผู้ป่วยจนอาการแย่ลงได้

เมื่อผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้น จิตใจมั่นคงขึ้น จึงค่อยๆ ให้ผู้ป่วยทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของอาการ และหาวิธีรับมือกับสิ่งที่มากระทบจิตใจจนทำให้แสดงอาการ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากคนรอบตัวด้วย

พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า Conversion Disorder ทำให้เกิดความผิดปกติทางกายได้จริง ไม่ใช่การแกล้งทำหรือการเรียกร้องความสนใจ ตัวผู้ป่วยเองก็มักจะสับสนและกังวลกับอาการที่เกิดขึ้นมากอยู่แล้ว ควรช่วยผู้ป่วยด้วยการให้กำลังใจและรับฟังผู้ป่วยให้มาก และไม่กดดันหรือเร่งให้ผู้ป่วยหาย แต่ควรให้เวลาในการรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อสร้างเซฟโซนให้ผู้ป่วย จิตใจพวกเขาจะดีขึ้น และอาการทางกายก็จะหายดี