นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมทางไกลเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี สถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ครั้งที่ 18/2567 ว่า ขณะนี้ยังมีสถานการณ์ใน 17 จังหวัด โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
มีเหตุการณ์ใหม่ 2 จังหวัด คือ จ.เลย และ จ.ขอนแก่น เนื่องจากรับน้ำจาก จ.เพชรบูรณ์ ล่าสุดระดับน้ำลดลงแล้ว ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง 287 ราย
ส่วนผลกระทบจากพายุ “กระท้อน” ช่วงวันที่ 1-5 ตุลาคม 2567 เกิดน้ำหลากใน จ.เชียงใหม่ จากระดับแม่น้ำปิงสูงขึ้น มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายอายุ 44 ปีจากไฟดูด และหญิงอายุ 33 ปีจากดินโคลนถล่ม รวมถึงมีผู้สูญหาย 2 ราย
สถานพยาบาลได้รับผลกระทบต้องปิดบริการ 7 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาล 2 แห่ง (โรงพยาบาลค่ายกาวิละ โรงพยาบาลลานนา3) รพ.สต. 2 แห่ง (รพ.สต.บ้านน้ำโท้ง รพ.สต.บ้านดงก่ำ) ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ สาธารณสุขอำเภอแม่แตง และหน่วยบริการปฐมภูมิแม่ท่าช้าง
“ภาพรวม อ.แม่แตง อ.เมือง อ.หางดง และ อ.สันป่าตอง ได้รับผลกระทบมาก มีการตั้งจุดบริการสำรองในทุกจุด พร้อมเปิดศูนย์พักพิงรวม 30 แห่ง ใน อ.เมือง อ.แม่ริม และ อ.สารภี โดยระดับแม่น้ำปิงใน อ.เมืองเพิ่มสูงขึ้นเร็วและต่อเนื่อง เช้าวันนี้สูงถึง 5.27 เมตร ยังต้องเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งแและน้ำท่วมขังไปจนถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2567” นพ.โสภณกล่าว
นพ.โสภณกล่าวต่อว่า ส่วน จ.เชียงรายสถานการณ์น้ำลดลงแล้ว เป็นช่วงฟื้นฟูพื้นที่ มีการจัดหน่วยปฐมพยาบาล ดูแลเยียวยาจิตใจ จัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และการป้องกันควบคุมโรค ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีดินสไลด์ทับเส้นทางและมีไฟฟ้าดับในพื้นที่ อ.ปาย อ.เมือง และ อ.ปางมะผ้า แต่สถานพยาบาลยังสามารถให้บริการได้
ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 ได้สั่งการให้ จ.เชียงใหม่ ทำ Area Mapping 7 โซนพร้อมตั้งหน่วยแพทย์ให้บริการทุกพื้นที่ให้เป็น One Stop Service เตรียมสำรองหน่วยบริการฉุกเฉินเคลื่อนที่ของเขตสุขภาพพร้อมลงปฏิบัติการในพื้นที่ ส่วน จ.เชียงราย ให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แก่อาสาสมัครและทหารช่างที่มาช่วยในการฟื้นฟูในพื้นที่ และ จ.แม่ฮ่องสอน ให้ทำแผนสำรองน้ำมัน กรณีมีปัญหาไฟดับยาวนานเกิน 24 ชั่วโมง