4 อาการโรคฮีทสโตรก เตือน! กลุ่มเสี่ยงไทยร้อนยาวถึงต้นพ.ค

02 เม.ย. 2566 | 12:05 น.
อัปเดตล่าสุด :02 เม.ย. 2566 | 12:27 น.
4.4 k

กรมอนามัย-กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนภัยกลุ่มเสี่ยง คาดเมษายนนี้ มีแนวโน้มอุณหภูมิสูงถึง 43 องศาเซลเซียส และจะร้อนยาวไปถึงต้นเดือนพฤษภาคม แนะเลี่ยงอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน พร้อมย้ำ 4 อาการบ่งชี้โรคฮีทสโตรก

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสภาพอากาศในประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น อาจผลต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะโรคฮีทสโตรก ที่มีสาเหตุเกิดจากการที่ร่างกายอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อุณหภูมิสูง และได้รับความร้อนมากเกินไป ทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของสมองในส่วนการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้มีอุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมอง รวมทั้งผู้ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่ออกกำลังกายหรือทำงานใช้แรงงานอย่างหนักท่ามกลางอากาศร้อนเป็นเวลานาน เช่น คนงานก่อสร้าง ทหารเกณฑ์ เกษตรกร นักวิ่งมาราธอน 

 

ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณน้อย ติดสุราทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูง กลุ่มสูงอายุ กลุ่มเด็กเล็กที่มีความสามารถในการระบายความร้อนจากร่างกายได้น้อยกว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มีร่างกายแข็งแรงปกติ คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง รวมถึงผู้ที่ต้องใช้ยารักษาโรคบางชนิดเป็นยาที่กระตุ้นการขับปัสสาวะ ที่ขัดขวางกลไกการกำจัดความร้อนออกจากร่างกาย ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากความร้อน

นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศในประเทศไทยจะร้อนจัดยาวไปจนถึงช่วงเดือนต้นเดือนพฤษภาคมในช่วงเดือนเมษายน 2566  และจะร้อนจัดในหลายพื้นที่

 

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศในประเทศไทยจะร้อนจัดยาว ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม2566 และจะร้อนจัดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40-43 องศาเซลเซียส ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40-42 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และจังหวัดที่จะมีแนวโน้มอุณหภูมิสูงที่สุด คือ สุโขทัย ตาก ลำปาง แม่ฮ่องสอน

ข้อควรปฏิบัติของกลุ่มเสี่ยง ฮีทสโตรก 

1. กลุ่มเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง หรือออกกำลังกายท่ามกลางสภาพอากาศร้อนต่อเนื่องเป็นเวลานาน 
2. ควรจิบน้ำบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ ซึ่งจะสามารถป้องกันภาวะขาดน้ำได้ 
3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด 
4. ไม่ควรให้ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคอ้วนออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมที่เหนื่อยจนเกินไป โดยเลือกทำกิจกรรมในอาคารที่มีอากาศเย็น หรือที่ร่ม 
5. หากมีความจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรป้องกันตนเองด้วยการใช้อุปกรณ์กันแดด ได้แก่ ร่ม หมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด 
ครีมกันแดด ตั้งแต่ SPF 15 ขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาการจากความร้อน
6. ไม่ควรปล่อยให้เด็กหรือคนชราอยู่ในรถที่ปิดสนิทตามลำพัง 

4 อาการสำคัญของโรคฮีทสโตรก ได้แก่ 

  1. เหงื่อไม่ออก 
  2. สับสน มึนงง 
  3. ผิวหนังเป็นสีแดง และแห้ง 
  4. ตัวร้อนจัด 

 

ในกรณีที่พบผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าว ให้โทรแจ้ง 1669 ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้พาผู้ป่วยหลบเข้าที่ร่ม หรือห้องที่มีความเย็น ให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง ถอดเสื้อผ้าให้เหลือเท่าที่จำเป็น รีบใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวหรือวางถุงน้ำแข็งที่คอ รักแร้ และขาหนีบ

 

หากผู้ป่วยหมดสติ ให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันโคนสิ้นอุดทางเดินหายใจ และนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วด้วยรถปรับอากาศหรือเปิดหน้าต่างรถ เพื่อให้อากาศถ่ายเท