เวลานี้ทั่วโลกเผชิญกับคลื่นความร้อนรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากลมแดดทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในยุโรป สหรัฐ รวมถึงญี่ปุ่น บรรดานักวิชาการมองว่า ภาวะนี้รุนแรงกว่าปีที่แล้ว และคาดว่าอนาคตอุณหภูมิโลกจะสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวั่นวิตกอย่างมาก
อุณหภูมิที่ร้อนจัดสามารถคร่าชีวิตได้ ทั้งทางตรงจากโรคลมแดด และ ทางอ้อมจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มคนมีโรคประจำตัว จากโรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อต้องเผชิญอากาศร้อนอาการอาจกำเริบ มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากภาวะลมแดด ช่วงปี พ.ศ.2558-2564 รวมทั้งสิ้น 234 ราย (ข้อมูลจาก ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์ กรมควบคุมโรค)
การสัมผัสกับความร้อนสูงในตอนกลางวันเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะเวลาอยู่ในสถานที่นั้นเป็นเวลานาน เช่น ทำงานกลางแจ้ง หรือ ออกกำลังกาย ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เราเสี่ยงต่อสุขภาพ ทั้งอาการอ่อนเพลียจากความร้อนที่เรียกว่า “เพลียแดด” และ “โรคลมแดด” ซึ่งอาการมีความคล้าย และแตกต่างกันบางอย่าง
ภาวะเพลียแดด เป็น “สัญญาณเตือน”ว่าต้องรีบแก้ไข ก่อนที่จะเกิด “ลมแดด” ซึ่งมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เนื่องจากความร้อนทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ จนกระทั่งทำให้ระบบในร่างกายต่างๆทำงานผิดปกติหรือล้มเหลว เช่น ตับ ไต กล้ามเนื้อสลาย เกลือแร่ผิดปกติ จนเสียชีวิต
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อเกิดภาวะเพลียแดด คือ ย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่เย็น หรือห้องแอร์ ปลดเสื้อผ้าที่รัดแน่น ดื่มน้ำเยอะๆขณะมีสติ อาบน้ำหรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลง