ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า
โควิดสายพันธุ์ใหม่ๆยังใช้ ATK ตรวจได้อยู่หรือไม่
ถ้าจะตอบให้ตรงคำถามคงต้องนำไวรัสแต่ละสายพันธุ์มาแยก และตรวจสอบกับ ATK แต่ละยี่ห้อโดยตรง
เพราะ ATK แต่ละยี่ห้อให้แอนติบอดีสำหรับตรวจจับโปรตีนของไวรัสที่เป็นสูตรของแต่ละที่
และปริมาณแตกต่างกัน ซึ่งคงไม่สามารถนำผลของชุดตรวจนึงไปอนุมานให้กับอีกชุดตรวจหนึ่งได้
แต่ถ้าไม่ทำวิธีข้างต้น สามารถใช้การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของไวรัสมาช่วยได้
เนื่องจาก ATK แทบทุกยี่ห้อที่ใช้อยู่ตอนนี้ใช้แอนติบอดีต่อโปรตีนนิวคลีโอแคปซิด หรือโปรตีน N (Nucleocapsid) เป็นตัวจับโปรตีนของไวรัส
กรณีที่ชุดตรวจจะใช้ไม่ได้ที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือไวรัสสายพันธุ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่โปรตีนตัวนี้ไปจนแอนติบอดีจับไม่ได้แล้ว
ถ้าลองมาดูตำแหน่งของโปรตีน Nucleocapsid ของสายพันธุ์ใหม่ๆที่เกิดขึ้น เช่น BA.2.75 หรือ BJ.1
จะเห็นว่าในกรอบสีเหลืองมีการเปลี่ยนแปลง (เส้นเล็กๆสีแดงในกล่องสีม่วง) น้อยกว่าส่วนของสไปค์ (กรอบสีแดง) มากๆ
ซึ่งบอกว่าไวรัสตัวใหม่ๆไม่ค่อยเปลี่ยนโปรตีน N ซึ่งทำให้แอนติบอดีส่วนใหญ่ที่เคยจับ N ได้ น่าจะทำงานได้ดีอยู่
ชุดตรวจ ATK ที่เคยตรวจโอมิครอนตัวแรกๆได้ดี น่าจะใช้งานได้ดีกับตัวใหม่ๆที่เริ่มเพิ่มขึ้นได้อยู่
คำถามต่อมาคือ แล้วมีโอกาสที่สายพันธุ์ไหนจะใช้ ATK ได้น้อยลงหรือไม่
คำตอบคือมีแนวโน้มถ้าสายพันธุ์ตระกูลที่เกิดจากการเป็น Hybrid (ผสมระหว่างต่างสายพันธุ์) เข้ามาระบาดในพื้นที่
โดยเฉพาะสายพันธุ์ XBA และ XAW ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง Delta และ BA.2 โดยยีนส่วนโปรตีน N จะมาจาก Delta
แต่ไม่เหมือนกับ Delta เดิมที่ ATK เคยตรวจได้ เพราะมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นหลายตำแหน่งตามภาพ
ทำให้มีแนวโน้มเกิดผลกระทบต่อการทำงานของแอนติบอดีในชุดตรวจได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องกลับไปย่อหน้าแรกที่เขียนไว้ก็คือ ต้องทดสอบกับไวรัสและชุดตรวจแต่ละชนิด ไม่สามารถอนุมานแบบปูพรมว่า ATK ทุกแบบจะใช้ไม่ได้