โควิด 5 สายพันธุ์ย่อยที่ต้องจับตามีชนิดใดหนบ้าง น่ากลัวแค่ไหน คลิกดูเลย

05 พ.ย. 2565 | 08:49 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ย. 2565 | 15:40 น.
567

โควิด 5 สายพันธุ์ย่อยที่ต้องจับตามีชนิดใดบ้าง น่ากลัวแค่ไหน คลิกดูเลยที่นี่มีคำตอบ ระบุเสี่ยงสูงที่จะเกิดการกลายพันธุ์ต่อเนื่อง

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics โดยระบุว่า

 

5 สายพันธุ์ย่อยจากสมาชิกใน "ซุปโอมิครอน" ที่ต้องเฝ้าติดตาม

 

เนื่องจากหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด และดื้อต่อยาฉีดประเภทแอนติบอดี

 

สำเร็จรูปเกือบทุกประเภท และเสี่ยงสูงที่จะมีวิวัฒนาการต่างออกไปจากตระกูลโอมิครอน

 

สายพันธุ์ย่อยใน “ซุปโอมิครอน” ช่วงนี้มีการกลายพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว พบแล้วมากกว่า 300 สายพันธุ์ย่อย (sublineages)

 

เหตุใดศูนย์จีโนมฯและทั่วโลกกำลังติดตาม 5 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยกล่าวคือ  

 

  • XBB  พบในฐานข้อมูลโควิดโลก “จีซ่าด (GISAID)”ประมาณ 1,464 ตัวอย่าง
  • XBB.1 พบในฐานข้อมูลโควิดโลก “จีซ่าด (GISAID)”ประมาณ 802 ตัวอย่าง
  • CH.1.1 พบในฐานข้อมูลโควิดโลก “จีซ่าด (GISAID)”ประมาณ 80 ตัวอย่าง
  • BA.4.6.3 พบในฐานข้อมูลโควิดโลก “จีซ่าด (GISAID)”ประมาณ 47 ตัวอย่าง
  • BQ.1.1.10 (BQ.1.1+Y144del) พบในฐานข้อมูลโควิดโลก “จีซ่าด (GISAID)”ประมาณ 29 ตัวอย่าง

เพราะเนื่องจากผลทดสอบจากห้องปฏิบัติการบ่งชี้ว่าทั้งห้าสายพันธุ์ย่อยนี้หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด 

 

โดยเฉพาะโอมิครอน BQ.1.1.10 (BQ.1 ที่จีโนมบางตำแหน่างขาดหายไป: Y144del)  

 

และดื้อต่อยาฉีดประเภทแอนติบอดีสำเร็จรูปเกือบทุกประเภท  

 

จากการคำนวณรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมเปรียบเทียบระหว่าง "โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป" กับ "โอมิครอนสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน BA.5" ที่ระบาดไปทั่วโลกพบว่าทั้ง 5 สายพันธุ์ย่อยมีความการเปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า BA.5 ด้วยกันทั้งสิ้น 

 

ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกจึงลงความเห็นว่าควรติดตามเฝ้าระวัง 5 สายพันธุ์นี้เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการกลายพันธุ์ต่อเนื่องเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ทางองค์การอนามัยโลกอาจต้องกำหนดอักษรกรีกเรียกต่างไปจากโอมิครอน

  • โอมิครอน BA.4.6.3 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ประมาณ 64%
  • โอมิครอน XBB มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ประมาณ 89%
  •  โอมิครอน XBB.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ประมาณ 101%
  • โอมิครอน CH.1.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ประมาณ 190%
  • โอมิครอน BQ.1.1.10 (BQ.1 ที่จีโนมบางตำแหน่างขาดหายไป: Y144del) มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ประมาณ 281%

อย่างไรก็ดีในขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่พบความแตกต่างของบรรดาสายพันธุ์ย่อยในซุปโอมิครอนที่ก่อโรครุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตแตกต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม 

 

อนึ่งโอมิครอนทั้ง 5 สายพันธุ์ย่อย XBB, XBB.1, CH.1.1, BA.4.6.3 และ BQ.1.1.10 (จากข้อมูลในจีซ่าด) ยังไม่พบการระบาดภายในประเทศไทย

 

ในขณะที่โอมิครอน "BA.2.3.20" ซึ่งมีรายงานว่าพบในประเทศไทย 2 รายมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 ไม่มากประมาณ 64% หลบเลี่ยงภูมิคุ้มได้ในระดับหนึ่ง

 

แต่น้อยกว่า XBB, XBB.1, CH.1.1, BA.4.6.3 และ BQ.1.1.10 (ภาพ2) นอกจากนี้ "BA.2.3.20" ยังไม่ดื้อต่อยาฉีด“เอวูเชลด์” ซึ่งเป็นแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long-acting Antibody - LAAB) ที่ประเทศไทยมีใช้อยู่