เช็คฝุ่น PM2.5 วันนี้ สีส้ม 14 จังหวัด ตราด-พิจิตร-สิงห์บุรี พุ่งสุด

23 ก.พ. 2568 | 07:36 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.พ. 2568 | 07:46 น.

อัพเดทสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ทั่วไทยวันนี้ 23 ก.พ. 68 'ตราด-พิจิตร-สิงห์บุรี' ค่าฝุ่นพุ่งสูงสุด 3 อันดับแรก เตือนประชาชนในพื้นที่สีส้ม 14 จังหวัดระวังผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมวิธีป้องกันตัวเอง

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศไทย ภาคกลาง-เหนือน่าห่วง ขณะที่ภาคใต้คุณภาพอากาศยังดี

 

จากข้อมูลการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ทั่วประเทศ ผ่านระบบติดตาม PM2.5 ของ GISDA เช้าวันนี้ (23ก.พ.68) ณ เวลา 07.00 น. พบสถานการณ์น่าเป็นห่วงในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ

 

โดยจังหวัดตราดมีค่าฝุ่นสูงสุดที่ 54.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามมาด้วยพิจิตรและสิงห์บุรีที่ 48.4 และ 47.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม)

พื้นที่สีส้ม (ค่าฝุ่นสูง 37.6-50.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) มี 14 จังหวัด

 

  1. ตราด 54.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  2. พิจิตร 48.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  3. สิงห์บุรี 47.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  4. สระบุรี 45.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  5. ลพบุรี 43.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  6. พิษณุโลก 43.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  7. สุโขทัย 43.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  8. ชัยนาท 42.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  9. พระนครศรีอยุธยา 41.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  10. อ่างทอง 41.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  11. ปราจีนบุรี 41.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  12. น่าน 40.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  13. ลำพูน 40.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  14. นครสวรรค์ 40.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ที่น่าสังเกตคือ 10 จังหวัดที่มีค่าฝุ่นสูงสุด ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ได้แก่ ตราด สิงห์บุรี สระบุรี ลพบุรี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และปราจีนบุรี สะท้อนให้เห็นว่าปัญหามลพิษทางอากาศยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของพื้นที่นี้

 

พื้นที่สีเหลือง (ค่าฝุ่นปานกลาง 25.1-37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) มี 31 จังหวัด

 

  1. ราชบุรี 39.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  2. กรุงเทพมหานคร 39.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  3. ตาก 38.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  4. อุทัยธานี 38.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  5. สมุทรสงคราม 38.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  6. แพร่ 38.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  7. ฉะเชิงเทรา 38.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  8. สมุทรสาคร 37.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  9. ลำปาง 37.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  10. นครนายก 37.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  11. ปทุมธานี 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  12. กำแพงเพชร 37.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  13. อุตรดิตถ์ 37.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  14. นนทบุรี 37.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  15. แม่ฮ่องสอน 36.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  16. เพชรบูรณ์ 36.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  17. กาญจนบุรี 36.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  18. ชลบุรี 36.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  19. ระยอง 36.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  20. นครปฐม 36.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  21. เชียงใหม่ 36.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  22. จันทบุรี 36.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  23. สมุทรปราการ 35.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  24. พะเยา 35.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  25. สุพรรณบุรี 35.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  26. เพชรบุรี 33.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  27. เชียงราย 32.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  28. ประจวบคีรีขันธ์ 31.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  29. สระแก้ว 31.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  30. นครราชสีมา 30.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  31. ชัยภูมิ 29.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

 

 

พื้นที่สีเขียว (ค่าฝุ่นปานกลาง 15.1-25.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) มี 8 จังหวัด

 

  1. ขอนแก่น 25.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  2. เลย 22.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  3. บุรีรัมย์ 21.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  4. มหาสารคาม 18.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  5. บึงกาฬ 18.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  6. สุรินทร์ 17.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  7. ยโสธร 17.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  8. หนองคาย 16.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

 

เช็คฝุ่น PM2.5 วันนี้ สีส้ม 14 จังหวัด ตราด-พิจิตร-สิงห์บุรี พุ่งสุด

 

ในทางตรงกันข้าม พื้นที่ภาคใต้กลับมีคุณภาพอากาศที่ดี โดยจังหวัดสตูลมีค่าฝุ่นต่ำที่สุดเพียง 7.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามด้วยสงขลา นราธิวาส ภูเก็ต และปัตตานี ที่มีค่าฝุ่นไม่เกิน 8.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศดีมาก (พื้นที่สีฟ้า)

 

พื้นที่สีฟ้า (ค่าฝุ่นต่ำ 0-15.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) มี 24 จังหวัด

 

  1. อุบลราชธานี 16.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  2. ร้อยเอ็ด 16.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  3. มุกดาหาร 15.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  4. กาฬสินธุ์ 15.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  5. สกลนคร 15.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  6. ศรีสะเกษ 14.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  7. หนองบัวลำภู 14.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  8. อุดรธานี 14.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  9. ตรัง 14.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  10. พัทลุง 13.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  11. อำนาจเจริญ 13.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  12. นครพนม 13.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  13. สุราษฎร์ธานี 9.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  14. ระนอง 9.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  15. กระบี่ 9.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  16. ยะลา 9.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  17. พังงา 9.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  18. ชุมพร 9.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  19. นครศรีธรรมราช 9.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  20. ปัตตานี 8.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  21. ภูเก็ต 8.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  22. นราธิวาส 8.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  23. สงขลา 7.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
  24. สตูล 7.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

 

ความแตกต่างของคุณภาพอากาศระหว่างภูมิภาคนี้ อาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งลักษณะภูมิประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสภาพอากาศที่แตกต่างกัน โดยภาคใต้ได้เปรียบจากการมีพื้นที่ติดทะเล ทำให้มีการหมุนเวียนของอากาศที่ดีกว่า ขณะที่ภาคกลางมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะและมีกิจกรรมทางอุตสาหกรรมหนาแน่น จึงเสี่ยงต่อการสะสมของมลพิษทางอากาศมากกว่า