นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยความคืบหน้าในการดูแลผู้ป่วยภาวะซับซ้อนในบางโรคจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูงที่มีให้บริการเฉพาะในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพว่า เพื่อทำการรักษาพยาบาล อีกทั้งการรักษาในบางหัตถการยังมีโรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการได้เท่านั้นซึ่งการรักษาที่จำเป็นเหล่านี้เพื่อให้ผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) เข้าถึงบริการ
ในปีที่ผ่านมาคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้อนุมัติกำหนดเป็นสิทธิประโยชน์ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ 3 รายการ ได้แก่
1. บริการรักษามะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน ให้บริการโดย รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
2. บริการรักษาเนื้องอกในลูกตาด้วยการวางแร่ที่ตา ให้บริการโดย รพ.รามาธิบดี
3. บริการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ตรงและทวารหนัก และเนื้องอกหรือการอักเสบของตับอ่อน
โรงพยาบาลที่ร่วมให้บริการ 7 แห่ง
ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายผู้ป่วยสิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการเทคโนโลยีขั้นสูง 3 รายการข้างต้นนี้ได้ โดยไม่มีอุปสรรคจากภาระค่าใช้จ่ายเดินทาง
ที่ผ่านมา สปสช. ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยบริการเพื่อจัดระบบรับส่งผู้ป่วยจากทั่วประเทศในการเข้ารับบริการพร้อมจัดสรรงบประมาณรองรับการเบิกจ่ายค่าเดินทางและค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วยในปีงบประมาณ 2568 นี้ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545
สำหรับรูปแบบการให้บริการรับส่งสำหรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทั้ง 3 รายการนี้ หลังจากที่หน่วยบริการในพื้นที่ได้ประสานส่งตัวผู้ป่วยพร้อมประวัติการรักษาไปยังโรงพยาบาลรับส่งแล้ว และได้ทำการนัดผู้ป่วยเพื่อเข้ารับบริการ โรงพยาบาลรับส่งต่อจะประสานกับสายด่วน สปสช. 1330 ในการแจ้งชื่อ เบอร์โทรผู้ป่วย และวันนัดหมาย
จากนั้นสายด่วน สปสช. 1330 จะทำการประสานกับผู้ป่วยเพื่อยืนยันวันเดินทางไปกลับ และชื่อญาติที่จะเดินทางไปด้วย ก่อนส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยัง "Call Center คลินิกเวชกรรมเส้นด้าย" ที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทอง ในการจัดบริการรถรับส่งเพื่อให้ผู้ป่วยเข้ารับบริการ
บริการนี้เป็นการให้บริการรับส่งผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาเฉพาะรายการบริการ 3 รายการข้างต้น กรณีผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัดจะมีรถแท็กซี่หรือรถในท้องถิ่นไปรับผู้ป่วยที่บ้านมาส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหรือสถานีรถไฟซึ่งจะมีการออกบัตรโดยสารไว้ให้ และเมื่อเดินทางมาถึง กทม. แล้ว ก็จะมีรถมารับผู้ป่วยเพื่อไปส่งที่โรงพยาบาล โดยหลังจากรับบริการแล้วก็จะมีการรับผู้ป่วยไปส่งถึงบ้านในรูปแบบเเดียวกัน ผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช่จ่ายเดินทางใด ๆ สปสช. จะรับผิดชอบค่าเดินทางส่วนนี้ให้กับผู้ป่วย
ในส่วนของความครอบคลุมการให้บริการรับส่งผู้ป่วยนั้น จะเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกของการวินิจฉัยและการวางแผนการรักษา การให้การรักษา จนถึงการติดตามการรักษา (Follow up) เป็นการดูแลผู้ป่วยจนกระทั้งสิ้นสุดการรักษาตามกระบวนการของแต่ละรายการบริการ
หลักเกณฑ์การเข้ารับบริการและติดตามรักษาที่ต้องรับส่งผู้ป่วย
-บริการรักษามะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอนวางแผนการรักษาและระหว่างรักษา จำนวน 3 - 35 ครั้ง และติดตามภายหลังการรักษาอย่างน้อย 4 ครั้ง
-บริการรักษาเนื้องอกในลูกตาด้วยการวางแร่ที่ตา วางแผนการรักษาและระหว่างการรักษา จำนวน 2 ครั้ง และติดตามภายหลังการรักษาอย่างน้อย 3 ครั้ง
-บริการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ฯ วางแผนการรักษาและระหว่างการรักษา จำนวน 2 ครั้ง และติดตามการรักษาอีกอย่างน้อย 7 ครั้ง
ขณะนี้การดำเนินการอยู่ระหว่างเตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์ฯ เพื่อรองรับการให้บริการและเบิกจ่ายชดเชยค่าเดินทางให้กับหน่วยบริการที่เข้ามาดำเนินการรับส่งผู้ป่วย ทั้งบริการรักษามะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอนที่รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ และบริการรักษาเนื้องอกในลูกตาด้วยการวางแร่ที่ตาที่ รพ.รามาธิบดี
โดยในส่วนของบริการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ มี รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ รพ.รามาธิบดี รพ.ศิริราช และ รพ.ราชวิถี ที่ได้ร่วมจัดระบบรับส่งผู้ป่วยแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นความจำเป็นเพราะเป็นอุปสรรคที่สำคัญทำให้ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยเข้าไม่ถึงบริการ ทั้งที่มีสิทธิรองรับแล้ว โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ในจังหวัดห่างไกล ค่าใช้จ่ายเดินทางไปกลับหลายครั้งเพื่อรับบริการ จึงเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ดังนั้น สปสช. จึงดำเนินการในเรื่องนี้ เลขาธิการ สปสช. กล่าว