เช็กสิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ ทำฟัน "คลินิกเอกชน" ฟรี 3 ครั้งต่อปี

12 ก.พ. 2568 | 14:30 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.พ. 2568 | 14:31 น.
764

สปสช. ชี้ปัญหาสุขภาพช่องปากคนไทยเน้นรักษามากกว่าป้องกัน แนะใช้ "สิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่" ตรวจฟันอย่างละเอียดและวางแผนการรักษาได้ที่หน่วยบริการนวัตกรรม "คลินิกเอกชน" ร่วมโครงการได้ปีละ 3 ครั้งไม่เสียค่าใช้จ่าย 

สถานการณ์สุขภาพช่องปากของประชาชน โดย พ.ท.ทพ.ธนศักดิ์ ถัมภ์บรรฑุ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจของกรมอนามัยปี 2566 พบว่า กลุ่มเด็กเล็กอายุ 3-5 ปีมี 55 % ที่ฟันไม่ผุ (Caries Free) แต่เมื่ออายุเกิน 5 ปีไปแล้ว พบว่า กลุ่มที่ฟันไม่ผุเลยลดลงเหลือ 28%

ส่วนกลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 12 ปี มี 74.5 % ที่ได้รับการตรวจฟัน ในจำนวนนี้ 36.4 % เคยมีอาการปวดฟัน ซ้ำในจำนวนี้ยังมีเด็กที่ได้ทำฟันจริงเพียง 40.9 % เท่านั้น ส่วนกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุ 15 ปี ขึ้นไป 61.2 % เริ่มมีฟันผุ และ 79.5 % เริ่มมีโรคเหงือก ส่วนวัยทำงาน 35-44 ปี  83.9 % มีฟันหลอ และ 81 %มีโรคเหงือก

ขณะที่ 67.1 % มีอาการเหงือกร่นและรากฟันโผล่ ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ 60-85 ปี ในกลุ่มอายุ 60-74 ปี มีฟันเหลือประมาณ 20 ซี่ และอายุ 80-85 ปี มีฟันเหลือประมาณ 12 ซี่

ในส่วนของหัตถการช่องปากที่คนไทยนิยมทำมากที่สุด คือ ขูดหินปูนและรักษาโรคเหงือก รองลงมา คือ ถอนฟัน ตามด้วยอุดฟัน ซึ่งเป็นการรักษาที่ปลายเหตุแล้ว ส่วนการป้องกัน เช่น ตรวจสุขภาพช่องปาก เคลือบฟลูออไรด์ เป็นหัตถการที่มีผู้รับบริการน้อยอยู่ในลำดับท้าย ๆ ในส่วนของหน่วยบริการยอดนิยม พบว่า เกือบ 50 % ไปรักษาที่คลินิกเอกชน ส่วนอีกร้อยละ 20 ไปโรงพยาบาลรัฐ และอีก 10 % รับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)

พ.ท.ทพ.ธนศักดิ์ ถัมภ์บรรฑุ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

สาเหตุที่คนไทยเข้าไม่ถึงเนื่องจากการไปโรงพยาบาลรัฐมีคิวบริการนาน รวมทั้งสิทธิรับบริการบางอย่างไม่ครอบคลุมสิทธิ ทำให้ต้องร่วมจ่าย รวมถึงไม่สะดวกไปรับบริการในเวลาราชการ โดยการรับบริการครั้งสุดท้าย มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 909 บาท

ทั้งนี้ โรคในช่องปากมีความสัมพันธ์กับโรคอื่นๆ เช่น ถ้าเป็นโรคปริทันต์อักเสบจะมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ หรือโรคอัลไซเมอร์ได้ หรือหากเป็นเบาหวานแล้วคุมน้ำตาลไม่ดีก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรครำมะนาด หรือผู้ป่วยติดเตียงอาจเสี่ยงสำลักเอาเชื้อจากช่องปากเข้าไปในปอด เป็นต้น

สำหรับปัญหาสุขภาพช่องปากมีทั้งที่เกิดที่ฟันและที่เหงือก ที่ฟันคือ มีฟันผุจนลึกถึงโพรงประสาทที่นำมาสู่การติดเชื้อเป็นหนอง หรือถ้าเป็นที่เหงือกอาจจะเกิดการอักเสบจนไม่สามารถรองรับฟันได้ ฟันก็จะโยกคลอนและหลุดได้

ส่วนบริการรักษาฟันมีตั้งแต่อุดฟันผุแต่ก่อนฟันผุเล็กน้อยก็จะกรอฟันแล้วอุดไว้แต่ปัจจุบันถ้าได้รับการเคลือบฟลูออไรด์เพียงพอ แปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ ฟันก็อาจจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลโดยทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด 

เช็กสิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ ทำฟัน \"คลินิกเอกชน\" ฟรี 3 ครั้งต่อปี

สำหรับกรณีที่ฟันผุทะลุถึงโพรงประสาทก็มีจำเป็นต้องรักษารากฟัน ทำความสะอาดเอาส่วนที่ติดเชื้อออกแล้วอุดคลองรากฟัน ก็สามารถเก็บฟันไว้ได้แต่หากรุนแรงขึ้นมาอีกจำเป็นต้องถอนออก หรือในส่วนของเหงือกที่ทำให้เกิดโรค คือ คราบขี้ฟันสีขาวเหลืองที่สะสมตามคอฟันหรือซอกฟัน สามารถป้องกันด้วยตนเองโดยการแปรงฟัน

ใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอหรือการดูแลโดยทันตแพทย์ด้วยการขัดทำความสะอาด ขูดหินปูน รวมทั้งการเกลารากฟัน แต่ถ้ารุนแรงจริง ๆ ก็อาจต้องถอนฟันอยู่ดี" ผู้เชี่ยวชาญพิเศษหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ กล่าว

เช็กสิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ ทำฟัน \"คลินิกเอกชน\" ฟรี 3 ครั้งต่อปี
 

พ.ท.ทพ.ธนศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติข้างต้นพบว่า คนไทยยังซ่อมมากกว่าสร้าง ดังนั้น ควรจะมีการตรวจสุขภาพฟันหรือป้องกันโรคให้มากขึ้นซึ่งสิทธิประโยชน์บัตรทองเดิมทีให้สิทธิรับบริการเฉพาะที่โรงพยาบาลรัฐ ครอบคลุมเกือบทุกอย่างยกเว้นบริการที่เกี่ยวกับความสวยงามและไม่มีข้อบ่งชี้แต่จากโครงการ "30 บาทรักษาทุกที่" ทำให้ไปรับบริการที่คลินิกทันตกรรมเอกชนร่วมโครงการได้

ครอบคลุมบริการทั้ง การตรวจฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน และถอนฟันได้ปีละ 3 ครั้ง ไม่ต้องร่วมจ่ายแต่หากรับบริการมากกว่า 3 ครั้ง หรือการรักษาที่คลินิกทันตกรรมเอกชนไม่ครอบคลุมสามารถข้อรับการรักษาต่อในโรงพยาบาลรัฐบาลได้
 
ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการเข้ารับบริการทันตกรรมตามสิทธิประโยชน์บัตรทอง สามารถตรวจสอบรายชื่อคลินิกทันตกรรมเอกชนที่เข้าร่วมโครงการที่เว็บไซต์ สปสช. จากนั้นติดต่อนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการโดยการเข้ารับบริการก็ใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตัว

ในครั้งที่ 1 จะเริ่มจากการตรวจช่องปากโดยละเอียด ประเมินความเสี่ยงฟันผุ จัดแผนการรักษาตามลำดับความรุนแรงของโรค จากนั้นการรักษาครั้งที่ 2 และ 3 จะการรักษาตามแผน เช่น อุด ขูด ถอนอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนหากยังจำเป็นต้องรักษาครั้งที่ 4 เป็นต้นไป สามารถไปรับบริการที่โรงพยาบาลรัฐตามสิทธิได้

เช็กสิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ ทำฟัน \"คลินิกเอกชน\" ฟรี 3 ครั้งต่อปี

"อยากฝากไว้การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุด คือ การดูแลตัวเองทุกวัน แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ครั้งละอย่างน้อย 2 นาทีด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์ ลดแป้งและน้ำตาล ทานอาหารให้เป็นเวลา บอกลาอาหารหวานเหนียวติดฟัน และควรเข้ารับการตรวจฟันจากทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

เนื่องจากอาจมีภาวะช่องปากเรามองเองไม่เห็นจะได้รีบป้องกันหรือรักษาแต่แรกเริ่ม โดยสามารถใช้สิทธิบัตรทองเข้ารับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงสังเกตคลินิกทันตกรรมที่มีสติ๊กเกอร์ "30 บาทรักษาทุกที่" ติดอยู่หรือดูรายชื่อคลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วมได้ที่ เว็บไซต์ สปสช. เพียงเท่านี้ก็จะมีสุขภาพช่องปากดีได้ 

คลิกอ่านรายละเอียดได้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ