แพทองธาร นัดประชุมด่วนข้ามทวีปพรุ่งนี้ แก้ปัญหา ฝุ่นละออง PM 2.5

23 ม.ค. 2568 | 15:14 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2568 | 15:20 น.

นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” สั่งการข้ามทวีปจากดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ นัดทุกหน่วยงานประชุมพรุ่งนี้ 24 มกราคม 2568 ติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5

วันนี้ (23 มกราคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 มกราคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 เร่งด่วนอีกครั้ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มีข้อสั่งการให้ส่วนราชการทุกส่วนที่ได้ร่วมประชุม ทั้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และคณะทำงานส่วนราชการในการแก้ไขฝุ่นควัน เมื่อวันพุธที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ก่อนการเดินทางมาประชุมWorld Economic Forum ที่ดาวอส โดยนายกรัฐมนตรี ให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งแก้ไขปัญหาทันที ตามที่มีการกำหนดแนวทางในการประชุม และขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 

ตั้งแต่การแก้ไขแบบเร่งด่วนทันที และแผนการระยะสั้น และระยะยาว โดยขอหน่วยงานต่างๆ รายงานการดำเนินการทุกวัน โดยกรุงเทพมหานคร ขอให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตัดสินใจทันที ทั้งเรื่องการประกาศหยุดเรียนของนักเรียนในสังกัด กทม. 

ขณะที่ส่วนราชการอื่นๆ อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ ให้ตัดสินใจพิจารณาดำเนินการ และกำชับให้ กทม. ใช้ 9 มาตรการ เช่น เข้มงวดตรวจวัดตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนที่กำหนด ขอความร่วมมือทำงานหรือปฏิบัติงานในที่พัก (Work From Home) เข้มงวดตรวจตราควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท อย่างเข้มข้น 

กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เข้มข้นในการดำเนินมาตรการงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ และได้กวดขันโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเขาตรวจสอบเป็นระยะ 

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดกับผู้เผาป่า เผาตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อยและพืช ในทุกหมู่บ้านทุกอำเภอทั้งประเทศ และตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า ตั้งจุดเฝ้าระวังไฟในพื้นที่ป่า และแผนการจัดจ้างคนในชุมชนประจำจุดเฝ้าระวังอีก 1,585 จุด

รวมถึงดำเนินคดีกับผู้เผาป่า ด้วยกฎหมายป่าไม้ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ และบังคับใช้กฎหมายกับผู้เผา อาทิ กฎหมายสาธารณสุข กฎหมายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และประมวลกฎหมายอาญา โดยให้รายงานสถิติการจับกุม 
 

กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่น ๆ ที่ผ่านการเผา อย่างเด็ดขาดและให้ตรวจสอบตามด่านพรมแดนที่มีการนำเข้าอย่างเข้มงวด  

กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM 2.5 จากไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้กับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เผาและให้รายงานสถิการดำเนินการ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขอให้ขึ้นบินปฏิบัติการต่อเนื่องการเจาะชั้นบรรยากาศเร่งระบายและลดการสะสมของฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ กรมการข้าว และ กรมฝนหลวง และการบินเกษตร ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรกรรมแบบปลอดการเผา 

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนา Platform ฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ hotspot และ ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ low cost sensors เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM2.5 อย่างบูรณาการ

กระทรวงการต่างประเทศ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน

กระทรวงสาธารณสุข ให้สาธารณสุข ทั่วประเทศ เข้ม 5 มาตรการ 1. ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเตรียมพร้อม 2. เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ 3. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ (สสจ.) จัดทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง 4. ขยายบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม เช่น เพิ่มห้องปลอดฝุ่น มุ้งสู้ฝุ่น และ 5. สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย อย่างเร่งด่วนต่อไป 

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง และกรมศุลกากรตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าพืชที่ผ่านการเผาทุกชนิดตามแนวชายแดนต่าง ๆ อย่างเข้มงวดตลอดเวลา

สำหรับส่วนราชการอื่นๆ รัฐบาลได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับกุม ห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรถปิคอัพ รถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ปล่อยควันดำรวมทั้งรถโดยสารของ ขสมก. และรถร่วมบริการเส้นทางต่าง ๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐ 

โดยขอให้ตรวจสอบและกวดขันการจับคุมให้เข้มข้น โดยในกรุเทพมหานคร กองบังคับการตำรวจจราจร ได้ตั้งด่านตรวจควันดำใน 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร