เช็คเลยกลุ่มไหนมี-ไม่มีภูมิคุ้มกัน "ฝีดาษลิง" เพราะอะไร ที่นี่มีคำตอบ

03 มิ.ย. 2565 | 05:11 น.
อัปเดตล่าสุด :03 มิ.ย. 2565 | 07:24 น.
4.0 k

เช็คเลยกลุ่มไหนมี-ไม่มีภูมิคุ้มกัน "ฝีดาษลิง" เพราะอะไร ที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยเผยฝีดาษลิงระบาดไปแล้วกว่า 33 ประเทศ มากกว่า 500 ราย

ปลูกฝีป้องกันฝีดาษลิง เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากการปลูกฝีนั้น ไม่ได้มีเฉพาะเพียงแค่ป้องกันฝีดาษลิงเท่านั้น แต่ยังมีที่ใช้สำหรับป้องกันโรคอื่นด้วย    

 

นอกจากนี้ ที่ประเทศไทย หรือทั่วโลกยังยกเลิกการปลูกฝีมาเมื่อนานมาแล้ว

 

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

คนไทยที่อายุน้อยกว่า 42 ปี หรือเกิดหลังปี 2523 ถือว่าไม่มีภูมิคุ้มกันต่อฝีดาษลิง

 

เนื่องจากในขณะนี้ ฝีดาษลิงได้ระบาดไปแล้วกว่า 33 ประเทศ จำนวนมากกว่า 500 ราย

 

แม้จะยังไม่มีผู้เสียชีวิตเลย แต่ก็ทำให้ประเทศต่างๆเกิดความระมัดระวัง ทั้งในระดับประเทศและระดับปัจเจกบุคคล

 

ในระดับปัจเจกบุคคล มีความสงสัยว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันต่อฝีดาษลิงหรือไม่อย่างไร

 

ทั้งนี้เนื่องจากมีข้อมูลการวิจัยหาระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน ตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์ชั้นนำ (NEJM) ที่สรุปว่า

 

ผู้ที่เคยปลูกฝีป้องกันฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ ยังคงมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงมากพอ แม้จะผ่านมาหลายสิบปี

โดยมีค่าครึ่งชีวิต (Half Life) ของระดับภูมิคุ้มกัน ซึ่งแปลว่าระดับภูมิคุ้มกันลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวใช้เวลากี่ปี

 

ในวัคซีนฝีดาษนั้น ค่าครึ่งชีวิตยาวนานถึง 92 ปี

 

ประกอบกับมีองค์ความรู้ที่ยืนยันตรงกันว่า ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ มีประสิทธิผลราว 85%

 

จึงทำให้หลายคนอยากทราบว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันต่อฝีดาษลิงหรือไม่อย่างไร
วันนี้จะใช้หลักการ 2 ประการ เพื่อประกอบการพิจารณาดังนี้

 

1.อายุของคน เป็นที่ทราบกันดีว่า ฝีดาษหายไปจากทวีปเอเชียในปี 2518 โดยประเทศสุดท้ายที่พบคือ บังกลาเทศ

 

ตามมาด้วยการสูญพันธุ์ของฝีดาษในทวีปแอฟริกาเมื่อปี 2520  โดยโซมาเลียเป็นประเทศสุดท้าย

 

เช็คเลยกลุ่มไหนมี-ไม่มีภูมิคุ้มกัน "ฝีดาษลิง" เพราะอะไร

 

และองค์การอนามัยโลกได้ประกาศถือว่าฝีดาษหมดไปจากโลกมนุษย์ในปี 2523 ( 8 พฤษภาคม 2523 )

 

ส่วนของไทยนั้น ฝีดาษหมดไปจากประเทศก่อนที่ประเทศสุดท้ายในทวีปเอเชียจะหมดในปี 2518

 

ไทยจึงเริ่มยุติการปลูกฝีป้องกันฝีดาษตั้งแต่ปี 2517 เป็นต้นมา

 

และทั่วโลกได้ยุติการปลูกฝีป้องกันฝีดาษตั้งแต่ปี 2523

ดังนั้นผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 42 ปี หรือเกิดหลังปี 2523 จะถือว่าไม่เคยหรือไม่มีโอกาสได้รับการปลูกฝีป้องกันฝีดาษ

 

ส่วนผู้ที่อายุ 48 ปีขึ้นไป หรือเกิดก่อนปี 2517 มีโอกาสที่จะได้รับการปลูกฝีป้องกันฝีดาษสูงมาก

 

และผู้ที่อายุอยู่ในช่วงดังกล่าวคือ เกิดปี 2517-2523 มีโอกาสจะได้รับการปลูกฝี แต่ค่อนข้างน้อย

 

2.แผลเป็นจากการปลูกฝี ผลเป็นที่ปรากฏจากการปลูกฝี ป้องกันโรค หรือให้วัคซีน  มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

 

  • ปลูกฝีป้องกันฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ จะเป็นแผลเป็นแบนเรียบ
  • ปลูกฝีป้องกันวัณโรค จะเป็นแผลเป็นที่เป็นแบบนูน

 

ถ้าใครมีทั้งสองแผลเป็น และอันหนึ่งเรียบ อีกอันหนึ่งนูน แปลว่าได้รับการปลูกฝีป้องกันทั้ง 2 โรค

 

เช็คเลยกลุ่มไหนมี-ไม่มีภูมิคุ้มกัน "ฝีดาษลิง" เพราะอะไร

 

แต่ถ้ามีเพียงแผลเดียว จะต้องเป็นแผลที่เรียบเท่านั้น เพราะถ้านูนก็จะเป็นการปลูกฝีป้องกันวัณโรค

 

กล่าวโดยสรุป

 

  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 48 ปีขึ้นไป เกิดก่อนปีพ.ศ. 2517 มีโอกาสที่จะได้รับการปลูกฝีป้องกันฝีดาษค่อนข้างมาก
  • ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 42 ปีลงมา เกิดหลังปี 2523 ถือว่าไม่มีโอกาสได้รับการปลูกฝีป้องกันฝีดาษ
  • ผู้อายุ 42-48 ปี เกิดระหว่างพ.ศ. 2517-2523 ถือว่ามีโอกาสจะได้รับการปลูกฝีอยู่บ้าง แต่โอกาสนั้นค่อนข้างน้อย
  • แผลเป็นจากการปลูกฝีมี 2 ชนิดคือ แผลเป็นจากการปลูกฝีป้องกันฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ และแผลเป็นจากการปลูกฝีป้องกันวัณโรค
  • แผลเป็นจากการปลูกฝีป้องกันฝีดาษคน จะเป็นแผลเป็นที่แบนเรียบหรือเป็นหลุมลงไปเล็กน้อย ไม่นูน
  • แผลเป็นที่เกิดจากการปลูกฝีป้องกันวัณโรค จะเป็นแผลเป็นที่นูน