วัคซีนฝีดาษลิงล่าสุดไทยมีฉีดได้ 5 หมื่นคนจริงหรือไม่ เป็นชนิดไหน อ่านเลย

02 มิ.ย. 2565 | 04:11 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มิ.ย. 2565 | 14:59 น.

วัคซีนฝีดาษลิงล่าสุดไทยมีฉีดได้ 5 หมื่นคนจริงหรือไม่ เป็นชนิดไหน อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยเผยข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

วัคซีนฝีดาษลิง ล่าสุดไทยมีวัคซีนป้องกันได้มากถึง 5 หมื่นคนจริงหรือไม่ เป็นคำถามที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ เนื่องจากเวลานี้โรคฝีดาษลิงพบผู้ป่วยแล้วในหลายประเทศ ทั้งในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียนั้น

 

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

ข้อมูลล่าสุด วัคซีนป้องกันฝีดาษที่องค์การเภสัชกรรมเก็บรักษาไว้ สามารถฉีดได้มากถึง 500,000 คน

 

หลังจากที่มีข่าวว่า องค์การเภสัชกรรมได้เก็บวัคซีนป้องกันฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษไว้นานกว่า 40 ปี จำนวน 10,000 ขวด

 

และต่อมาได้ส่งวัคซีนดังกล่าวให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อทำการตรวจเบื้องต้น พบว่าสามารถเพาะเชื้อจากไวรัสเชื้อเป็นในวัคซีนดังกล่าวได้

 

ซึ่งแสดงว่าคุณภาพของการเก็บรักษาวัคซีนดีมาก และน่าจะสามารถนำมาใช้ได้ในกรณีที่มีความจำเป็น
 

ขณะนี้มีข้อมูลล่าสุดเพิ่มเติมว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังตรวจในขั้นตอนต่อไป เรื่องสิ่งปนเปื้อน ถ้าไม่มี ก็จะถือว่าวัคซีนมีคุณภาพใช้ได้

 

ที่น่าสนใจคือ มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าวัคซีนในแต่ละขวดนั้น สามารถฉีดหรือปลูกฝีได้ขวดละ 50 คน

 

ทำให้วัคซีนดังกล่าวที่เก็บไว้ จะรองรับการฉีดได้มากถึง 500,000 คน

 

อย่างไรก็ตาม วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 ซึ่งใช้ในสมัยที่มีการกำจัดไข้ทรพิษหรือฝีดาษทั่วโลก

 

วัคซีนฝีดาษลิงล่าสุดไทยมีฉีดได้ 5 หมื่นคนจริงหรือไม่

 

เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งยังคงเป็นวัคซีนเชื้อเป็น แต่ผลิตขึ้นโดยการเพาะเลี้ยงในเซลล์วีโร่ (Vero cell)

 

ส่วนวัคซีนในเจนเนอเรชั่นที่ 3 เป็นวัคซีนเชื้อเป็นเช่นเดียวกัน แต่ทำให้ไวรัสไม่สามารถจะเพิ่มจำนวนได้ จึงมีผลข้างเคียงน้อยลง

 

และไม่ใช้การสะกิดหรือปลูกฝีที่ผิวหนัง แต่ใช้การฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 4 สัปดาห์เป็นของบริษัทเดนมาร์ก และได้รับการจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาแล้ว

โดยสรุป

 

  • วัคซีนป้องกันฝีดาษหรือไข้ทรพิษในคน ซึ่งสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ด้วยนั้น มีพัฒนาการมา 3 เจนเนอเรชั่นแล้ว
  • วัคซีนที่องค์การเภสัชกรรมเก็บไว้เมื่อ 40 ปีก่อน เป็นวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1
  • วัคซีนดังกล่าวเมื่อตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่ามีคุณภาพดี
  • วัคซีนดังกล่าว สามารถรองรับการฉีดได้ถึง 500,000 คน
  • การพิจารณาฉีดวัคซีนดังกล่าวนั้น คงขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็น และอาจต้องพิจารณาวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยกว่า