"ยกคำขอแล้ว"ที่ดินสิเกาเบรกออกโฉนด จากสค.1บินทับอุทยานหาดเจ้าไหมตรัง

กรณีพ.ต.อ.สาธิต  จันศร อดีตผกก. ผู้ตกเป็นจำเลยร่วมกับพวกรวม 4 คน  ต่อสู้คดีที่ถูกฟ้องร้องว่าบุกรุกแผ้วถางที่ดิน ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม หมู่ที่ 5 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง มา 6 ปี จนศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง

ต่อมาได้นำสื่อมวลชนลงพิสูจน์ที่ดินแปลงพิพาท ตามเอกสาร สค.1 เลขที่ ,133, 134,135 โดยชี้พิรุธว่า มีการนำสำเนาสค.1 เลขที่ 134 ของตน บินไปดำเนินการออกโฉนดในที่ดินอีกแปลงทับอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม  พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบเอาผิดเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง 
    

ล่าสุด นางสาวอิสรีย์  ชัยเพ็ชร หัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขาสิเกา เปิดเผยว่า กรณีที่ดินตาม สค.1 เลขที่ 134 หมู่ที่ 5 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง นั้น มีผู้มายื่นขอออกโฉนดจากสค.1 แปลงนี้ ไป 2 ราย คือ ในรายของพ.ต.อ.สาธิต นั้น เจ้าหน้าที่ได้ยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินไปก่อนหน้านี้แล้ว เวลานี้เรื่องการขอออกโฉนดของคุณสาธิตกับสำนักงานที่ดินสิเกา ยังเป็นคดีความอยู่ในศาลปกครองสงขลา โดยยังอยู่ในชั้นอุทธรกร์กันอยู่ 

อีกรายที่ขอออกโฉนดจากสค.1 เลขที่ 134 คือ คุณธำมรงค์  ไทรงาม  แต่เป็นคนละจุดกับที่คุณสาธิตยื่นคำขอออกโฉนดเอาไว้ คนละตำแหน่ง ปัจจุบันรายของคุณธำมรงค์   เจ้าหน้าที่ออกไปรังวัดที่ดินแล้ว พบว่าไปซ้อนกับของคนอื่น ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว และทางคุณธำรงค์จะเข้ามาขอยกเลิกคำขอ เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นต่อไป

นางสาวอิสรีย์กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่รังวัดไปตรวจสอบ หรือจะดูจากภาพถ่ายทางอากาศ จากการตรวจสอบ ยังไม่มีความชัดเจนสักแปลง รายของคุณธำมรงค์พบว่าที่ดินข้างเคียงไม่สอดคล้องกัน ซึ่งได้ทำหนังสือแจ้งกลับไปแล้ว  ส่วนของคุณสาธิตไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเพราะเรื่องจบไปแล้ว 

"ยังไม่แน่ใจว่าบริเวณนั้นเคยมีการออก นส. 3 หรือ นส.3 ก หรือไม่ เพราะยังไม่เคยตรวจสอบ เท่าที่รู้ไม่ค่อยมี เพราะส่วนมากจะเป็นที่ดินอุทยานฯ สภาพเหมือนไม่เคยทำประโยชน์ แต่ผู้ขอก็อ้างว่าทำประโยชน์มาก่อน ปัจจุบันเขาไม่ค่อยได้เข้าไป ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที ส่วนการแปลภาพถ่ายทางอากาศก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง"

หัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขาสิเกา กล่าวด้วยว่า กรณีผู้ขอออกโฉนดที่ดิน 2 ราย โดยอ้าง สค. 1 เลขที่ 134 แปลงเดียวกัน ทางแก้ปัญหาคือ ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นราย ๆ ไป คือดูว่าแปลงไหนที่ตรงตำแหน่งมากกว่ากัน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างเอาเอกสาร พยานหลักฐานมาอ้างว่าทำประโยชน์มาก่อน ต่างฝ่ายก็มีหลักฐาน อ้างพยานบุคคล อ้างบุคคลที่สูงอายุ 

ทางเจ้าหน้าที่ต้องดูหลายเรื่อง ดูที่ดินข้างเคียงประกอบด้วย ที่ดินข้างเคียงสัมพันธ์กันหรือไม่  เราจะไปตัดสิทธิ์ใครออกไปไม่ได้ ต้องมาดูใครครอบครองต่อเนื่อง ขั้นตอนต้องตรวจสอบเป็นแปลง ๆ ไป  ของคุณสาธิตเรื่องยังอยู่ที่ศาลปกครองสงขลา เรื่องยังไม่จบ  ส่วนของคุณธำมรงค์ ก็อยู่ในระหว่างดำเนินการอยู่เหมือนกัน