เปิดหลักเกณฑ์เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้รับเท่าไรสรุปครบที่นี่

14 ต.ค. 2564 | 08:59 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ต.ค. 2564 | 16:00 น.
2.7 k

เปิดหลักเกณฑ์เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม สูงสุด 30 ไร่/ครัวเรือน เช็กเงื่อนไขทั้งด้านพืช ประมง สัตว์น้ำ และ ปศุสัตว์ แต่ละชนิดได้รับเงินช่วยเหลือเท่าไหร่ สรุปครบจบ

14 ตุลาคม 2564 เกาะติดเงินเยียวยาเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วม 2564  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม/ ภัยพิบัติอื่น ๆ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งนี้จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัยพิบัติ จึงจะได้รับการช่วยเหลือตามพื้นที่เสียหายจริง สูงสุดครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่  

 

เงื่อนไขการช่วยเหลือ เยียวยาเกษตรกรน้ำท่วม 2564 มีดังนี้

 

ด้านพืช

  • ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่
  • ข้าว 1,340 บาท ต่อไร่
  • พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาท ต่อไร่
  • ไม้ผล ไม้ยืนต้น และอื่น ๆ  4,048 บาท ต่อไร่

ด้านประมง (สัตว์น้ำ)

  • ปลาทุกชนิด/สัตว์น้ำอื่น ไร่ละ 4,682 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่
  • กุ้ง/หอยทะเล ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่
  • กระชัง/บ่อซีเมนต์ตรม.ละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตรม.

ด้านปศุสัตว์

  • โค ตัวละ 13,000 - 35,000 บาท (ไม่เกินรายละ 5 ตัว)
  • กระบือ ตัวละ 15,000 - 39,000 บาท (ไม่เกินรายละ 5 ตัว)
  • สุกร ตัวละ 1,500 - 3,000 บาท (ไม่เกินรายละ 10 ตัว)
  • แพะ/แกะ ตัวละ 1,500 - 3,000 บาท (ไม่เกินรายละ 10 ตัว)
  • ไก่พื้นเมือง/ไก่งวง ตัวละ 30 - 80 บาท (ไม่เกินรายละ 300 ตัว)
  • ไก่ไข่/เป็ดไข่ ตัวละ 30 - 100 บาท รายละไม่เกิน 1,000 ตัว)
  • ไก่เนื้อ ตัวละ 20 - 50 บาท (ไม่เกินรายละ 1,000 ตัว)
  • เป็ดเนื้อ/เป็นเทศ ตัวละ 30 - 80 บาท (ไม่เกินรายละ 1,000 ตัว)
  • นกกระทา ตัวละ 10 - 30 บาท (ไม่เกินรายละ 1,000 ตัว)
  • นกกระจอกเทศ ตัวละ 2,000 บาท (ไม่เกินรายละ 10 ตัว)
  • ห่าน ตัวละ 100 บาท (ไม่เกินรายละ 300 ตัว)

โดยหลังจากที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.)ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว เกษตรกรต้องยื่นแบบขอรับการช่วยเหลือ (กษ 01) โดยให้ ผญบ./ กำนัน/ อบต. หรือนายกเทศมนตรีรับรอง จากนั้นจะมีการตรวจสอบทะเบียนเกษตรกรและพื้นที่เสียหายจริง เพื่อช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สนง.เกษตรจังหวัด หรือกรมส่งเสริมการเกษตร โทร. 02-579-0121 ถึง 27

 

ที่มา : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , เพจไทยคู่ฟ้า