บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) ว่า ทางฝ่ายมองว่าเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) หุ้นกลุ่มแบงก์ หลังจากที่สินเชื่อ ต.ค. 67 ทั้ง 7 ธนาคารที่ทางฝ่ายดูแล อยู่ที่ 10.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นในรอบ 6 เดือนที่ 0.2% จากเดือนก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่ ขณะที่สินเชื่อภาครัฐทรงตัว ส่วนสินเชื่อรายย่อยที่มาจากสินเชื่อเช่าซื้อยังคงลดลงต่อเนื่อง
โดยธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ BBL เพิ่มขึ้น 1.6% จากเดือนก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่และต่างประเทศ รองลงมาเป็น KBANK, TISCO เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก ส่วนสินเชื่อรายย่อยและ SME ยังคงหดตัวลง
ขณะที่ธนาคารที่มีสินเชื่อลดลงมากที่สุดจากเดือนก่อน คือ KKP 0.7% จากเดือนก่อน ลดลงจากสินเชื่อเช่าซื้อทั้งในส่วนของรถใหม่และรถมือสอง รองลงมาเป็น TTB ลดลง -0.5% จากเดือนก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อย แต่สินเชื่อ High yield ยังเพิ่มขึ้น
ส่วนภาพรวมของเงินฝากเดือน ต.ค. 24 อยู่ที่ 12.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากเดือนก่อน โดยธนาคารที่เงินฝากเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ KTB เพิ่มขึ้นถึง 5.7% จากเดือนก่อน จากเงินฝาก CASA ของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ รองลงมาเป็น SCB, KKP เพิ่มขึ้น 3.5%, 3.4% ตามลำดับ จากเงินฝาก CASA เป็นหลัก ส่วนเงินฝากที่ลดลงมากที่สุดคือ KBANK ลดลง -3.7% จากเดือนก่อน จากเงินฝากประจำที่ลดลง
ทางฝ่ายมองเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร และเป็นบวกต่อสินเชื่อในเดือน ต.ค. 67 ที่กลับมาฟื้นตัวในรอบ 6 เดือนได้ที่ 0.2% จากเดือนก่อน จากเดือน ก.ย. 24 ที่ลดลง 0.5% จากเดือนก่อน โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อยังลดลงตามทิศทางของยอดขายรถยนต์ที่มีการปรับตัวลดลง และจากกำลังซื้อชะลอตัว รวมถึงหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทำให้กลุ่มธนาคารมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าสินเชื่อรายใหญ่และภาครัฐจะมี Momentum ที่เพิ่มขึ้นได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 67 ตามโครงการใหญ่ๆ ของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายยังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อรวมทั้งปี 67 ของกลุ่มไว้ที่ 1% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน (10 เดือนแรกปี 67 อยู่ที่ -1.6% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน)
ด้าน NPL คาดว่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นไม่น่ากังวลมากนัก เพราะแต่ละธนาคารมีการตั้งสำรองฯ จำนวนมากมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมีการทยอยขายหนี้เสียออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยคาด NPL ในปี 67 จะอยู่ที่ 3.29% จาก 2.92% ในปี 66
ยังคงน้ำหนักเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก KTB, KBANK เป็น Top pick ขณะที่ BBL จะได้รับผลบวกจากสินเชื่อที่เติบโตได้สูงสุดในเดือน ต.ค. 67 ทางฝ่ายให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็นมากกว่าตลาด เพราะแนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 67-68 จะยังเติบโตได้ต่อเนื่องอีก 5-6% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน
ขณะที่ valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.65x PBV (-1.25SD below 10-yr average PBV) โดยทางฝ่ายยังคงเลือก KBANK, KTB เป็น Top pick ขณะที่ BBL จะได้รับผลบวกจากสินเชื่อที่เติบโตได้ในเดือน ต.ค. 67
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยมองว่ากลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่น่าสนใจในปี 68 จากธีมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนที่จะเติบโตขึ้นในปีหน้า โดยฝ่ายวิจัยชอบกลุ่มธนาคาร จาก 3 เหตุผล ได้แก่
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงเลือก BBL, KBANK และ KTB เป็น top picks