ส่งท้ายปีกับงานประเพณีอันดีงามของไทยที่มีความยั่งยืน “River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ที่จัดต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 10 ภายใต้แนวคิด “ยลสายน้ำ ยินทำนอง” จัดบนพื้นที่ 10 ท่าน้ำสำคัญทางประวัติศาสตร์ในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย
และ “Lamphun River Festival 2024” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 ณ ถนนรถแก้ว จ.ลำพูน พบกับตลาดร้านค้าชุมชน เทศกาลข้าวอุ่นจิ้นทอด และสินค้ารักษ์โลก ขบวนจักรยานเที่ยวชมการประดับโคมแสนดวง โคมเล่าเรื่องเมืองลำพูนอันสวยงาม เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีหลากหลาย เป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน และสร้างโอกาสในการกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างชุมชนเข้มแข็งไปในตัว
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนในช่วงการจัดงานกว่า 2.1 ล้านบาท และในปี 2567 สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่มากกว่า 3.1 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยศิลปวัฒนธรรมไทย Soft Power ที่กระตุ้นมิติทางเศรษฐกิจของชาติ ช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชน พร้อมเป็นเวทีแห่งโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความสามารถตลอดช่วงเทศกาล
นอกจากนี้ยังได้ชื่นชมผลงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินระดับโลก Bangkok Art Biennale (BAB 2024), โครงการรักษ์มรดกไทย by Thai Group ณ ลานอรุณ วัดอรุณฯ, กิจกรรม RPST Photo Walk & Duo Shots Knockout บนเส้นทาง Guided Route กับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่จัดมาเอาใจคนรักการถ่ายภาพ
พร้อมร่วมชมอัตลักษณ์ที่งดงามจากสถาปัตยกรรมที่ผสานเรื่องเล่าประจำชุมชนริมน้ำ และการแสดงมหรสพแบบจารีต และร่วมสมัยมากมาย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสการจัดงาน “River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 และไหว้พระขอพรอันเป็นมงคลยามค่ำคืน
พร้อมดูแลรักษ์โลก และสิ่งแวดล้อมด้วยการรณรงค์ไม่เพิ่มขยะในแม่น้ำลำคลองผ่านการลอยกระทง ประทีปเทียนหอมใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก” ขนาดใหญ่ที่ได้จัดเตรียมไว้ในทุกพื้นที่ พร้อมสุขไปกับกิจกรรมสรรค์สุข สนุกไปกับแสงสี และอิ่มเอมไปกับมรดกศิลป์ทรงคุณค่า เชื่อมโยงวิถีวัฒนธรรมอันดีงาม และกิจกรรมมากมาย อาทิ พิธีขอขมาพระแม่คงคา
สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สวดมนต์เจริญสมาธิ ซุ้มอาหารชุมชนชวนชิม และตลาดนัดชุมชนที่รวมของดีของเด่นประจำท้องถิ่นมารวมไว้ในงานให้ได้ ช้อป ชม ชิม อย่างจุใจ และยังตื่นตา เพลินใจไปกับไฮไลท์การแสดงแต่ละท่าน้ำ เช่น การแสดงดนตรีไทยร่วมสมัย การแสดงโขน การแสดงลิเก ศิลปะไทย หนังใหญ่ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังคงเน้นยกระดับการจัดงานให้มีความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมสังคม และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน (ESG) เป็นการสร้างประโยชน์เพื่อชุมชน โดยการจัดการของชุมชน ด้วยกลยุทธ์ บ.ว.ร.ยกกำลังสอง อันประกอบไปด้วย บ้าน วัด โรงเรียน
โดยการสนับสนุนของภาคส่วนภายนอก ได้แก่ บริษัท วิสาหกิจเพื่อสังคม และราชการ เชื่อมโยงและต่อยอดเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และวัดผลได้จริง
นำโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนหลัก River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วน ผนึกกำลังเพื่อร่วมบอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก และต่อยอดคุณค่าทางวัฒนธรรม กับประเพณีลอยกระทงและมงคลอันดีงามของไทย เพื่อตอกย้ำการเป็นเทศกาลของ มงคลดีงาม พร้อมการดูแลรักษ์โลก กับการขอขมาแม่น้ำคงคา
ด้วยการรณรงค์ไม่เพิ่มขยะในแม่น้ำ ลำคลอง ผ่านกิจกรรมลอยกระทงและการลอยประทีปใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก” กับการลอยกระทงในระบบปิด เพื่อลดจำนวนกระทงในแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมทั้งเชื่อมโยงสถิติการรณรงค์การลดจำนวนขยะกระทงที่จัดเก็บโดยกทม.
ผ่านการเก็บแต้ม SX Point ใน SX Application และกิจกรรมทำความสะอาดคลอง “Clean Klong” ยังคงดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยได้รับความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร กองทัพเรือ โครงการ “เก็บกลับ-รีไซเคิล”
ชาวบ้านในชุมชนริมน้ำที่มีจิตอาสาเยาวชนโครงการ Beta Young Entrepreneur และเยาวชนจิตอาสาคนรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ และพันธมิตรทุกภาคส่วน ส่งเสริมการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิลในชุมชน
เมื่อเสร็จสิ้นงาน กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติกว่า 1,000 กิโลกรัม ที่รวบรวมจากทั้ง 10 ท่าน้ำ ส่งต่อให้กับกรุงเทพมหานครนำไปรีไซเคิลเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และประทีปเทียนหอมกว่า 50 กิโลกรัม ส่งต่อรวบรวมมายังวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อนำไปหลอมและนำกลับมาใช้ใหม่
นอกจากนี้ยังมีการคัดแยกขวดพลาสติก ส่งต่อโครงการ “เก็บกลับ-รืไซเคิล” โดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด (TBR) ที่จะนำบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคกลับคืน สู่กระบวนการรีไซเคิล อีกทั้งต่อยอดความรู้ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนเจ้าบ้าน สืบสานวัฒนธรรมและประชาชนที่เข้าร่วมงาน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
นับเป็นอีกหนึ่งงานดีๆ ที่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และพันธมิตรทุกภาคส่วนได้ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อขานรับนโยบายเปิดประเทศ ต้อนรับนักท่องเที่ยว ตอกย้ำการเป็นเทศกาลวัฒนธรรมอันดีงาม นับเป็นอีกหนึ่งงานที่ยกระดับการบริหารจัดงานอย่างยั่งยืนทุกมิติพร้อมผลักดันสู่การเป็น Festival ระดับโลก “เพื่อบอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก