Liberator คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ย่อตัว กรอบ 1,440-1,470 จุด

21 พ.ย. 2567 | 09:56 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ย. 2567 | 09:56 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ คาด SET วันนี้ 21 พ.ย.67 “ย่อตัว” กรอบ 1,440-1,470 จุด ตอบรับความกังวลทั้งจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯที่ลดลงช้า ผสานจิตวิทยาเชิงลบของ DELTA ที่อาจกระทบ sentiment การลงทุน กลยุทธ์มองย่อตั้งรับหุ้นกำไรเติบโตดี วันนี้แนะ BBIK

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ 21 พฤศจิกายน 2567 คาดว่า SET Index ย่อตัว ในกรอบ 1,440-1,470 จุด เพื่อตอบรับปัจจัยกดดันจากทั้งต่างประเทศและในประเทศ

โดยดัชนีความกลัว (VIX index) ยังปรับขึ้นตอบรับแรงกดดันภายนอกที่มากขึ้นทั้งความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังต้องติดตามว่าจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ แต่ราคาน้ำมันดิบโลกยังไม่เร่งขึ้น เนื่องจากยังมีปัจจัยถ่วงจากรายงานสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 5.45 แสนบาร์เรล สวนตลาดคาดลดลงราว 5 หมื่นบาร์เรล

ส่วนด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ผันผวนตามผลประกอบการของหุ้นขนาดใหญ่ โดยวานนี้ NVIDIA รายงานงบหลังตลาดปิด แม้ว่ารายได้ในไตรมาส 3/67 จะดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ยังมีความกังวลต่อแนวโน้มรายได้ไตรมาส 4/67 ส่งผลให้ราคาหุ้นย่อตัวในช่วงหลังตลาดปิด (Post market)

นอกจากนี้ ตลาดยังมีแรงกดดันจากถ้อยแถลงของ มิเชล โบว์แมน (FED Governor) ที่พูดถึงโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ควรทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากปัจจุบันเงินเฟ้อสหรัฐฯเริ่มชะลอช้าลง สอดคล้องกับมุมมองล่าสุดจากเครื่องมือ CME FED watch tool ที่ให้โอกาสในการลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคม นี้ เหลือเพียง 52% หนุนให้ Dollar index กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง หลังอ่อนค่าในช่วง 3 วันที่ผ่านมา และหนุนให้ US Bond Yield 10 ปี ขยับขึ้นเล็กน้อย

ส่วน SET ยังขาดปัจจัยใหม่ โดยแรงเก็งยังกระจุกตัวอยู่ในหุ้นกลุ่มเดิมๆ ขณะที่ล่าสุดตลาดประกาศให้ DELTA เข้าเกณฑ์ Trading Alert ซึ่งอาจเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้น DELTA ซึ่งถือเป็นหุ้นที่มีความผันผวนสูงต่อ SET จึงอาจกดดัน SET วันนี้ย่อตัว โดยทุกๆ ราคาหุ้น DELTA ที่ลด 1 บาท จะกดดัน SET ราว 1 จุด

ปัจจัยที่ต้องจับตา

21 พ.ย.67

  • ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สหรัฐฯ
  • ยอดขายบ้านมือสอง สหรัฐฯ
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน

22 พ.ย.67

  • ศาลรัฐธรรมนูญ รับ/ไม่รับ คำร้องคดีคุณทักษิณ
  • เงินเฟ้อ CPI ญี่ปุ่น
  • PMI ภาคการผลิตและบริการ สหรัฐฯ & ยูโรโซน & ญี่ปุ่น
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค สหรัฐฯ

หุ้นเด่นแนะนำ

  • BBIK ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 50.00 บาท กำไรไตรมาส 3/67เดินหน้าทำ New High แล้ว ทางฝ่ายยังคาดว่าแนวโน้มกำไร ไตรมาส 4/67 ยังคงมีโอกาสทำ New high ต่อเนื่อง แรงหนุนจากแนวโน้ม Digital transformation ทั่วโลก รวมถึงไทยที่กำลังเติบโตด้วยความเร่งมากขึ้น ผสานกับ Backlog ที่อยู่ในระดับทีดี รวมถึงอัตรกำไรขั้นต้นที่ได้ประโยชน์จาก Economies of scale
  • WHA ยังมีมุมมองเชิงบวกจากการลงทุนในไทยปี 67 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับมูลค่า FDI ปี 66 ที่เติบโตกว่า 73% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยนักลงทุนจีนเข้ามาสูงสุด จากอุตสาหกรรม EV อีกทั้ง บริษัทตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจโลจิสติกเพิ่มอีก 2 แสน ตร.ม. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จะขยายเพิ่มอีก 2,070 ไร่ รวมทั้งจะมีการขยายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์รวม 2.13 แสน ตร.ม.
  • SGC ราคาเป้าหมาย 1.96 บาท คาดกำไรครึ่งหลังปี 67 จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเติบโตของโครงการ SG Finance+ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อมือถือที่สามารถล็อกได้หากผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำ ผสานกับการปลดล็อกการเพิ่มทุน จะหนุนให้ SGC ผ่อนคลายดอกเบี้ยจ่าย และมีเม็ดเงินเพิ่มเติมในการปล่อยสินเชื่อ หนุนปี 68 กำไรจะเติบโตแบบก้าวกระโดด 
  • BH คาดกำไรไตรมาส 3/67 ยังคงเติบโตโดดเด่น จากการเข้าสู่ช่วง High Season โดยคาดผู้ป่วยจากตะวันออกกลางยังปรับตัวขึ้นดี ขณะที่ประเด็นของคูเวต คาด BH มีโอกาสถูกเลือกเป็น 1 ใน 3 โรงพยาบาลในไทยที่รัฐบาลคูเวตสนับสนุน ขณะที่ภาพระยะกลาง คาดได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ในภูเก็ตในช่วงปี 69
  • AOT คาดกำไรในช่วง ก.ค.-ก.ย.67 จะขยายตัวได้จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ตามรายได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ในฝั่งรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินอาจลดลงเล็กน้อย จากการยกเลิกร้าน Duty Free ขาเข้าตั้งแต่ ส.ค. 67 ในระยะสั้นคาดมีปัจจัยบวกจาก Golden week หนุนนักท่องเที่ยวจีนสูงขึ้น และการเดินหน้าต่อในช่วงปลายปีคาดนักท่องเที่ยวจะเร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล ขณะที่ Upside อาจมาจากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐฯ
  • CPALL คาดแนวโน้มไตรมาส 3/67 เติบโตจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาล โดย SSSG ของ CPALL ในช่วงไตรมาส 3/67 คาดยังคงเติบโต 2.5% แข็งแกร่งกว่ากลุ่มค้าปลีก โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคที่ขยายตัว ผสานกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งต่อไปยังแนวโน้มไตรมาส 4/67 ที่จะกลับมาเร่งขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน 
  • ITC คาดกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1,019 ล้านบาท เติบโต 58% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน ยังขยายตัวจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง แม้ว่าค่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 3/67 จะอ่อนแอกว่าคาดก็ตาม (แต่มีการล็อกค่าเงินบาทไว้แล้ว) ภาพรวมการดำเนินงานยังขยายตัวได้ต่อเนื่องตามการขยายตลาดใหม่ๆ และการส่งออกที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้
  • MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ แรงหนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว 3% จากไตรมาสก่อน และ 15% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ผสานกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้ Stage 2 ลดลงสู่ระดับ 8% ของสินเชื่อรวม จาก 9% ในไตรมาส 2/67 และอัตราส่วน NPL ลดลงสู่ระดับ 2.82% จาก 2.88%
  • DOHOME ราคาเป้าหมาย 12 บาท แนวโน้มยอดขายสาขาเดิมในช่วงเดือน ต.ค. และ พ.ย. มีทิศทางขยายตัว หนุนโอกาส SSSG ในช่วงไตรมาส 4/67 พลิกกลับมาเป็นบวก แรงหนุนจากเงินเบิกจ่ายภาครัฐฯที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ผสานการซ่อมแซมบ้าน หลังผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงไตรมาส 3/67 อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น กว่าในช่วงไตรมาส 3/67 จากราคาเหล็กที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
  • AMATA คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ยังคงขยายตัวได้ดี โดยประเมินยอดโอนที่ดินคาดจะสูงขึ้น โดยมี Backlog ล่าสุดสูงราว 1.94 หมื่นล้านบาท แรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างประเทศ คาดจะหนุนโอกาสการย้ายฐานการผลิตจากจีนและไต้หวันเข้าสู่ไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณของอัตรากำไรขั้นต้นที่มีทิศทางที่ขยับสูงขึ้นเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม