บิ๊กค้าปลีกฟอร์มดุ กวาดรายได้-กำไร สปีดลงทุน ชิงยอดขาย Golden period

แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความท้าทาย แต่บรรยากาศการค้าปลีกในประเทศไทยกลับคึกคัก แม้ต้องฝ่ามรสุมทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด สงครามระหว่างประเทศ รวมไปถึงกำลังซื้อในประเทศที่ยังอึมครึม แต่ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกในช่วง 9 เดือนของปี 2567 กลับเติบโตกันถ้วนหน้า ถือเป็นการแก้เกมและสร้างสปีดการเติบโตได้สูงกว่า GDP ที่ล้วนมาจากฝีมือของภาคเอกชนล้วนๆ

โดยพบว่าผลประกอบการของค้าปลีกในกลุ่มซีพีต่างทำรายได้และกำไรเติบโต ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 ซีพีออลล์ มีรายได้รวม 2.41 แสนล้านบาท เติบโต 6.6% กำไรสุทธิ 6,190 ล้านบาท เติบโต 44.1 %

ขณะที่ 9 เดือน มีรายได้รวม 7.30 แสนล้านบาท เติบโต 7.3 % กำไรสุทธิ 1.84 หมื่นล้านบาท เติบโต 46.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ในไตรมาส 4 ซีพีออลล์ยังคงมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นให้บรรลุเป้าหมายการขยายสาขาใหม่ 700 แห่งในปีนี้ รวมทั้งการขยายสาขาใหม่ในกัมพูชาและสปป.ลาว การขยายการจำหน่ายผ่านทาง 7Delivery และ All Online ให้เติบโตเพิ่มขึ้น ภายใต้งบการลงทุน 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท

ขณะที่กลุ่มบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” ก็มีผลประกอบการในไตรมาส 3 เติบโตเช่นกัน โดยทำรายได้รวม 1.24 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% โดยมีกำไรสุทธิ 1,952 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16.4% ขณะที่ 9 เดือนแรกของปีมีรายได้รวม 3.78 แสนล้านบาท เติบโต 23.3% และกำไรสุทธิ 6,609 ล้านบาท เติบโต 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ด้านกลยุทธ์การทำตลาดในไตรมาส 4 นี้ นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทจะมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มความแข็งแกร่งกลุ่มสินค้าอาหารสด พัฒนาต่อยอดอาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมทาน เบเกอรี่

และสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private Label) การพัฒนาทุกช่องทางจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และการส่งสินค้าถึงลูกค้า จากการขยายพื้นที่ให้บริการ โดยใช้จุดแข็งของเครือข่ายสาขาทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก 2,600 สาขาทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาทีมขายนอกร้าน

นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขา ปรับโฉมสาขาและพัฒนามอลล์ สู่การเป็นศูนย์กลางชุมชน ล่าสุด บริษัทได้เปิดโลตัส สาขายะลา ซึ่งเป็นสาขารูปแบบ hypermarket แห่งแรกของบริษัทฯ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมขยายสาขารูปแบบ Hybrid ที่รวมทั้งค้าปลีกและค้าส่งไว้ในที่เดียว ได้แก่ แม็คโคร-โลตัสมอลล์ สาขาชัยนาท และสาขาถนนศรีอยุธยา รวมถึงปูพรมการปรับโฉมสาขา ด้วย

ด้านบมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC มีรายได้รวม 6.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% มีกำไรสุทธิ 2,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% ผลประกอบการ 9 เดือนมีรายได้รวม 1.93 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%มีกำไรสุทธิ 5,960 ล้านบาท เติบโต 22%

โดยนายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC กล่าวว่า ในไตรมาส 4 นี้ เซ็นทรัล รีเทลพร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีแผนงานดำเนินงานทั้งในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น โดยเตรียมจัดงานเปิดตัวห้างเซ็นทรัล ชิดลม โฉมใหม่อย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ขณะที่ในกลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์เตรียมขยายสาขาไทวัสดุเพิ่มอีก 1 สาขาที่จังหวัดแพร่ ส่วนในกลุ่มธุรกิจฟู้ด มีแผนขยายสาขาท็อปส์ทุก ฟอร์แมทอีก 9 สาขา เปิด GO Wholesale สาขาเจริญราษฎร์ ในเดือนธ.ค. นี้ เปิดซูเปอร์มาร์เก็ต “go!” (มินิ โก!) ในเวียดนาม เพิ่มอีก 4 สาขา

ส่วนธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ เตรียมเปิดโมเดลใหม่ “Strip Mall” ของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เป็นครั้งแรกที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขากาญจนบุรี รวมทั้งขยายศูนย์การค้า GO! และไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ในเวียดนามเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขา Bac Lieu และสาขา Ninh Thuan เพื่อสร้างการเติบโต ตอบรับกับเศรษฐกิจของเวียดนามที่อยู่ในช่วงขาขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี ไตรมาส 4 ปี 67ถือเป็นโค้งท้ายของปีที่สร้างรายได้หลักให้กับธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการต่างให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะถือเป็น Golden period จึงต่างทุ่มงบการตลาดพร้อมงัดกลยุทธ์เพื่อเป็นแม็กเน็ตดึงนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย โดยนายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมทุ่มงบลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการจัดกิจกรรมในไตรมาส 4 นี้ เพื่ออัดแคมเปญส่งท้ายปี

ขณะที่ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา CPN มีรายได้รวม 1.2 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 4,126 ล้านบาท ลดลง 0.86% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ 9 เดือนมีรายได้รวม 3.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 13% มีกำไรสุทธิ 1.28 หมื่นล้านบาท เติบโต 16% เป็นผลมาจากจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ให้เช่าและอัตราการเช่าใน 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ นครสวรรค์ นครปฐม รวมถึงรายได้ของผู้เช่าในศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจโรงแรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,047 วันที่ 24 - 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567