WHA ชี้ทางผู้ประกอบการไทยอย่าติดกับดักความสำเร็จเดิม

12 ก.พ. 2567 | 18:36 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.พ. 2567 | 18:40 น.

WHA มองปัญหารัฐภูมิศาสตร์ปี 67 อาการหนัก ทั้งเรื่องความกังวล ทรัมป์ ขึ้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความขัดแย้งไต้หวันจีน ตีฐานทุนจีนแห่ย้ายฐานผลิตออกมองเป็นโอกาสของประเทศไทย ชี้ทางผู้ประกอบการไทยถึงเวลาต้องเปลี่ยนความคิด อย่าติดอยู่กับดักความสำเร็จเดิม

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยในงานสัมมนา Post TODAY Thailand ECONOMIC DRIVES 2024 “ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ 2567” หัวข้อ ​New​Business กับการประกอบธุรกิจยุคใหม่​ ว่า ธุรกิจของ WHA เป็นธุรกิจที่มันเกี่ยวโยงกับทั่วโลก โดยกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ WHA มากกว่า 85% เป็นนักธุรกิจจากทั่วโลก ทำให้เจอข้อเจอทุกภาคส่วนและไม่ว่าเทรนธุรกิจของโลกจะเคลื่อนไปในทิศทางไหนบริษัทจะมีข้อมูลที่เรียกว่าข้อมูลต้นน้ำมาก่อนเสมอ

ซึ่งข้อดีของการได้รับข้อมูลจากธุรกิจทั่วทุกทวีปทำให้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เร็ว หากใครติดตาม WHA จะเห็นได้มีข้อมูลมาแชร์ก่อนเสมอ และข้อมูลที่เคยพูดไปแล้วก่อนหน้านี้เริ่มเห็นภาพตามมา อย่างภาพใหญ่เรื่องของ Global Megatrends ทุกวันนี้ที่เป็นกระแสหลักเลยคือ "ภูมิรัฐศาสตร์"โดยปี 2567 มองว่าจะเรื่องที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งประเด็นการเลือกตั้งถึง 64 ประเทศทั่วโลก ทำให้ปีที่แล้ว (2566) มีหลายคนถามเรื่องกระแสการย้ายฐานทุนเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยพูดและพูดมาตลาดตั้งแต่ปี 2018 ที่เกิดเรื่องของส่งครามการค้า ตามซ้ำด้วยโรคไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดหนัก และตามซ้ำมาด้วยสงครามระหว่างประเทศ

ล้วนเป็นจุดแรงกระแทกที่ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานทุน โดยในช่วงเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา ข้อมูลดิบที่ได้การเคลื่อนย้ายฐานทุนของต่างชาติโดยเฉพาะประเทศจีนเกิดการโยกย้านเป็นจำนวนมาก แค่เดือนแรกปีนี้เดือนเดียวอัตราการขยายตัวของการเคลื่อนย้ายฐานทุนมากกว่าเมื่อเทียบกับหลายๆ เดือนที่ผ่านมาแล้ว ทำให้คิดว่าเรื่องคงไม่ได้จบง่ายๆ แล้ว ซึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดความกังวลต่อทุนจีน ได้แก่ 1. คนจีนกลัวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้กลับขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง 2. การเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวัน ถ้าได้พรรคเดิม ซึ่งก็ชัดเจนแน่นอนว่าความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวันคงไม่จบลงง่ายๆ แน่

ประกอบกับหลายๆ คนมองว่าเศรษฐกิจประเทศจีนไม่ดี ท่านประธานสีจิ้นผิงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดหรือเปล่าเพื่อดึงชื่อเสียงกลับมามันเป็นเรื่องหลายอย่างมากที่คนที่ลงทุนคนที่ลงทุนในเมืองจีนทั้งที่เป็นชาวจีนและไม่ใช่ชาวจีน คิดภาพนี้กันหนักมากถึงเริ่มเห็นการทะลักของการย้ายฐานทุนเข้ามาเมืองไทยเยอะมาก และการมาในรอบนี้เป็นเรื่องเทคโนโลยี เป็นการมาแบบ New Supply Chain ซึ่งจากในอดีตเป็นเรื่องของการผลิตยานยนต์ แต่ในปัจจุบันนี้เป้นเรื่องของการผลิต EV การผลิตชิป และการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ ก็ตามมา การดึง EV เข้ามาลงทุน ผลพลอยได้ตามมาคือ Supply Chain ก็ตามมาด้วย

ยิ่งการมีประเด็นระหว่างจีนและไต้หวัน ยิ่งทำให้การย้ายฐานทุนทะลักเข้ามาและมาอย่าง High end ในส่วน Low end ที่ต้องใช้แรงงานก็ไปในกลุ่มตลาดเพื่อนบ้าน และด้วย WHA ได้ลงทุนใน 2 ประเทศ คือ ประเทศไทย และเวียดนาม ทำให้มองเห็นภาพทั้ง 2 อย่างได้อย่างมากมาย ยิ่งการนำเอาเทคโนโลยี หรือการเอา AI เข้ามาช่วย ยิ่งสร้างความน่าสนใจให้กับฐานทุนต่างชาติได้มากยิ่งขึ้นและมองว่าไทยเป็น ฐานการผลิตสำคัญ (Hub) ซึ่งบริษัทเองก็เดินหน้าดึงการลงทุนบริษัทต่างประเทศอีกหลายแห่งเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ตรงนี้แหละมันคือจุดเปลี่ยนของประเทศไทยมันคือ "วิกฤต" หรือ "โอกาส" ใครจับเทรนด์ตรงนี้ได้ลองวางกลยุทธ์ให้ดีๆ

นอกจากนี้ มองว่าในเรื่องของ Sustainability และ Climate change โดยผลกระทบแน่ๆ โดยเฉพาะที่ทำเรื่องของอุตสาหกรรม เรื่องของ RE 100 พลังงานสะอาด 100% 24 ชั่วโมง 7 วันด้วย ตรงนี้ไทยตั้งรับกันพร้อมแล้วหรือยัง นี่คือภาพเมกะเทรนด์ที่เอามาตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าภาคธุรกิจมองภาพตรงนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ WHA ประกอบ 4 ธุรกิจ โลจิสติกส์ ปัจจุบันไปในเรื่องของเทคโนโลยีเยอะมาก นิคมอุตสาหกรรม ตอนนี้มีที่ดินมากกว่า 77,000 ไร่แล้ว และเริ่มพัฒนาให้เป็น Smart Eco Friendly เพื่อรอบรับธุรกิจใหม่ๆ ที่เข้ามา ในด้านธรุกิจพลังงาน เน้นมากๆ เรื่องพลังงานสะอาด สาธารณูปโภคก็มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการบำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้นภายนิคมฯ การบริหารจัดการขยะและของเสีย เพราะในแต่ละปีในนิคมฯ มีปริมาณขยะสูงถึง 470,000 ตัน และธุรกิจด้านเทคโนโลยี

นางสาวจรีพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการไทยที่ยังตกหลุมพราง หรือติดกับดัก ที่ยังไม่สามารถก้าวไปทันระเบียบโลกใหม่และเทรนด์ต่างๆ มองว่ายึดติดกับของเก่า ยึดติดกับความสำเร็จเก่าๆ ที่ยังคงอยู่ ส่วนมากจะพบเจออะไรแบบนี้ทั้งนั้น อะไรที่เคยทำแบบเดิมก็ยังทำแบบเดิมเหมือนอยู่ในคอมฟอร์ทโซนแต่นั้นจะทำให้คุณกลัวที่จะออกมาอยู่ข้างนอก แต่จะบอกว่าท้ายที่สุดแล้วเมื่อกลัวการออกมาอยู่ข้างนอกกลัวตาย และจะบอกว่าก็ไม่ต้องกลัวเพราะด้วยความคิดนี่จะทำให้ธุรกิจคุณตายแน่ๆ เพราะฉนั้นเราต้องวิเคราะห์จริงๆ ว่าจุดอ่อน จุดแข็งของธุรกิจเราคืออะไร และโลกอนาคตคืออะไร เราจะเป็นอย่างนั้นได้หรือเปล่า

สิ่งแรกคือต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าธุรกิจเราคืออะไร และมาดูว่าอะไรที่เราต้องเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนโปรดักส์เดิมหรือไม่ เพราะสิ่งเดิมอาจไม่ตอบโจทย์แล้ว หรือสิ่งที่มีมันดีอยู่แล้วแต่จะเอาอะไรมาเพิ่มเติมให้ดีมากยิ่งขึ้น เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ลดกระบวนการดำเนินงานเพื่อลดต้นทุนและทำให้กำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งก็คิดได้หลายแง่มุมหลายเรื่องมากๆ เลย

"สุดท้ายนี้มองว่าการเคลื่อนย้ายฐานทุนของต่างชาติมันคือโอกาสของประเทศไทย จะมีอีกกี่ครั้งที่จะเกิดการเคลื่อนย้ายทุนระดับขนาดนี้เข้ามา มองว่าครั้งนี้เป็นโอกาสที่ใหญ่มหาศาลมาก และการเกิดการเคลื่อนย้ายฐานทุนไม่ได้มีบ่อยๆเวลามาแล้วอยู่ยาวอยู่นาน เป็นเรื่องดิษฐ์ใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่ยังไม่มีใครเป็นเจ้าตลาด เพราะดูจากว่าลูกค้า WHA ที่ดึงการลงทุนเข้ามาจากต่างชาติ เขาก็จะดูก่อนว่าเรามีซัพพลายเชนแล้วหรือยัง ถ้ามีแล้วก็เป็นซัพพรายเชนให้เค้าได้ ถ้ายังเค้าก็พาซัพพรายเชนเค้าติดตามเข้ามาด้วย ซึ่งก็ทำให้เรากลายเป็น Hub การผลิตของเค้า จึงมองว่านี่เป็นโอกาสจริงๆ"