ดาวโจนส์ปิดบวก 54.77 จุด นักลงทุนจับตาเงินเฟ้อสหรัฐวันนี้

14 พ.ย. 2566 | 06:53 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2566 | 07:12 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (13 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในวันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,337.87 จุด เพิ่มขึ้น 54.77 จุด หรือ +0.16%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,411.55 จุด ลดลง 3.69 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,767.74 จุด ลดลง 30.36 จุด หรือ -0.22%

กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันนี้ (14 พ.ย.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 3.7% และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.

 

แมตต์ สตักกี นักวิเคราะห์จากบริษัท Northwestern Mutual Wealth Management กล่าวว่า ดัชนี CPI และข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาด เนื่องจากจะเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด โดยแม้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดได้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่การคาดการณ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงได้ก็ต่อเมื่อเงินเฟ้อส่งสัญญาณถึงความคืบหน้าตามเป้าหมายของเฟด ควบคู่ไปกับตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง

ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 86% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.

ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 นั้น ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 0.7% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวขึ้น 0.6% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลงหนักที่สุด โดยปรับตัวลดลง 1.2%
         

หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 4% ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาที่จะกลับมาทำข้อตกลงซื้อเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 Max อีกครั้ง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ พบปะเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน นอกรอบการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่ซานฟรานซิสโกในวันที่ 15 พ.ย.นี้

นอกจากนี้ ราคาหุ้นโบอิ้งยังได้แรงหนุนจากการที่สายการบินเอมิเรตส์ของดูไบสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 777X อีก 90 ลำในงาน Dubai Airshow ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นเดวิตา ทะยานขึ้น 6.5% หุ้นเดกซ์คอม พุ่งขึ้น 4.6% และหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากนักวิเคราะห์หลายรายได้แสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับยาเวโกวี (Wegovy) ซึ่งเป็นยาลดความอ้วนที่ผลิตโดยบริษัทโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk)

นอกเหนือจากข้อมูลเงินเฟ้อแล้ว นักลงทุนยังจับตาสภาคองเกรสสหรัฐซึ่งกำลังเร่งผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดดำเนินงานหรือชัตดาวน์ ได้ทันกำหนดเส้นตายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย.นี้ โดยนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้นำเสนอร่างงบประมาณการใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ  แต่ไม่รวมถึงการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือยูเครนและอิสราเอล

การเสนอร่างงบประมาณการใช้จ่ายของนายจอห์นสัน มีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากมูดี้ส์ประกาศลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐสู่ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.) โดยมูดี้ส์คาดการณ์ว่า การขาดดุลการคลังของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงมาก และจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงอย่างมาก

ราคาน้ำมัน WTI ปรับเพิ่ม 1.4% ปิดที่ 78.26 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (13 พ.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันยังคงมีความแข็งแกร่ง พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้ โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.46 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.44 ล้านบาร์เรล/วัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 78.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 82.52 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทองคำนิวยอร์กปิดบวก 12.50 ดอลล์ อานิสงส์เงินดอลล์อ่อน 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (13 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์  สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.50 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 1,950.20 ดอลลาร์/ออนซ์