สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ฟันธง 5 หุ้นเด่นน่าลงทุนครึ่งปีหลัง แนะเลี่ยง DELTA

03 ก.ค. 2566 | 16:37 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ค. 2566 | 16:38 น.

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ระบุตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัว และไซด์เวย์ ให้กรอบ 1,454 ถึง 1,643 จุด พร้อมเปิดโผ 5 หุ้นเด่น แนะเลี่ยงลงทุน DELTA เหตุราคาสูงเกินปัจจัยพื้นฐาน

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุนรวม 25 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในครึ่งปีหลังของปี 2566 ว่า จากไตรมาสที่ 3 ของปี 66 ไปจนถึงสิ้นปี คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,454 ถึง 1,643 จุด และในช่วงสิ้นปี 2566 จะปิดที่ระดับ 1,630 จุด

โดยความเห็นต่อการลงทุนหุ้นต่างประเทศ / กองทุนหุ้นต่างประเทศ แนะนำกองทุนเทคโนโลยี กองทุนหุ้นจีน และเอเชีย จากการเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาปกติอีกครั้ง

สำหรับในการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก ธนาคาร การแพทย์ และการท่องเที่ยว ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจ Finance (non-bank) ปิโตรเคมี พลังงานและสาธารณูปโภค

นักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น

  • เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 14.24%
  • กองทุนตราสารหนี้ 22.83%
  • หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 24.87%
  • หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 23.83%
  • กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 6.59%
  • ทองคำหรือกองทุนทองคำ 7.43%
  • อื่นๆ เช่น คริปโต 0.21%

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA)

5 หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำ ประกอบด้วย

1. ADVANC มองว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดลง ส่งผลดีต่อธุรกิจ

2. AOT โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว

3. BBL โดยมองว่า มีความเชี่ยวชาญสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในตลาดนี้ สินเชื่อประเภทนี้แม้จะมีผลตอบแทนต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงต่ำ นอกจากนั้น BBL มีสินเชื่อส่วนใหญ่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว และมีเงินฝากประจำสัดส่วนสูง ซึ่งได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นมากที่สุด ทั้งยังรองรับความเสี่ยงได้มาก จากสัดส่วนสำรองต่อ NPL ที่มีอยู่ถึง 243% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารที่ 171% อยู่มาก

4. CPALL ปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคเพิ่ม นักท่องเที่ยวฟื้นตัว

5. SCB มองว่าได้ประโยชน์จาก กนง.เปิดช่องขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลดีต่อหุ้นแบงก์โดยรวม ทั้งราคายัง Laggard กลุ่ม

สำหรับหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำควรหลีกเลี่ยง ประกอบด้วย

1.หุ้น DELTA เหตุราคาเกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก

2.กลุ่มหุ้นที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่

พร้อมกันนี้นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังรัฐบาลใหม่เกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ คุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณ โดยส่วนใหญ่กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แบ่งเป็น

นโยบายกระตุ้นการลงทุน ได้แก่ นโยบายกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ ขยายตลาดสินค้าส่งออก ถัดมา การเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนภาครัฐที่หนุนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นโยบายช่วยเหลือภาคประชน ได้แก่ ชะลอการเก็บภาษีหุ้น ปรับลดภาษีบุคคลธรรมดา มีมาตรการลดค่าครองชีพ แทนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและยกเลิกนโยบายแจกเงิน

สำหรับปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางการลงทุนตลอดครึ่งปีหลังนี้ มีเพียงปัจจัยเดียว คือ เศรษฐกิจภายในประเทศด้วยเสียงโหวต 72%

ส่วนปัจจัยด้านลบ มาจาก ปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก 80% ของผู้ตอบทั้งหมด เทคะแนนให้อย่างชัดเจนว่าเป็นผลลบ รองลงมาด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกา มีผู้ตอบ 68% ตามมาด้วยปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศมีผู้ตอบ 64% และการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก มีผู้ตอบ 60% ถัดไปคือ Fund Flows ไหลออกมีผู้ตอบ 59% และ ปัจจัยการเมืองในประเทศมีผู้โหวตว่าเป็นปัจจัยลบมาถึง 55%

บรรยกาศการแถลงข่าว IAA 3 ก.ค. 66

ปัจจัยที่ควรจับตามองในไตรมาส 3 คือ การจัดตั้งรัฐบาล/การเมืองในประเทศ ทิศทางดอกเบี้ยของ FED และภาวะเศรษฐกิจโลก

ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีนักวิเคราะห์ถึง 61.54% ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอีก 0.50% ส่วนที่เหลือนั้น มี 38.46% ที่มองว่าปรับขึ้นเพียง 0.25% และผู้ตอบ 36% มองว่าคงที่

สำหรับคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 ของตลาดเฉลี่ยที่ 93.21 บาท ปรับลดจากผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 95.77 บาทต่อหุ้น และครั้งนี้คาดการณ์ EPS Growth ของปี 2566 อยู่ที่ 7.61%

ด้านคาดการณ์ SET Index ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 นั้น มีผู้โหวต 36% ที่คาดว่าจะเป็น Sideways ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 32% มองว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวก และลบที่เท่ากัน ส่วนคาดการณ์ SET Index ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,568 จุด