เจพีมอร์แกนชูหุ้นไทย “น่าลงทุนที่สุด” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

19 ม.ค. 2566 | 12:26 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ม.ค. 2566 | 12:42 น.

แนวโน้มการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักฟื้นรับการเปิดประเทศของจีน เป็นปัจจัยที่ทำให้ ‘ตลาดหุ้นไทย’ มีความน่าลงทุนมากที่สุดในบรรดาตลาดหุ้นอาเซียน

 

เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า การที่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ของ ไทย กลับมาฟื้นตัวได้ดีเกินคาดหลังจาก จีนเปิดประเทศ และมีแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นการอุปโภคบริโภคของไทยให้ปรับตัวขึ้นนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ตลาดหุ้นไทย มีความ “น่าลงทุนมากที่สุด” เมื่อเทียบกับบรรดาตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ นายจักรพันธ์ พรพรรณรัตน์ หัวหน้าสายงานวิจัยหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยแพร่วันนี้ (19 ม.ค.) ว่า ภาวะการซื้อขายที่คึกคักในตลาดหุ้นไทยก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบชะลอตัวลงนั้น จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยทำผลงานโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคยกเว้นเวียดนาม

เจพีมอร์แกนระบุว่า นักท่องเที่ยวขาเข้าจากจีนจะช่วยกระตุ้นรายได้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเพิ่มเป็น 2 เท่า แตะที่ระดับ 39,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ (2566) หรือคิดเป็น 6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

 

คาดว่านักท่องเที่ยวขาเข้าจากจีนจะช่วยกระตุ้นรายได้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเพิ่มเป็น 2 เท่า

ขณะเดียวกันเจพีมอร์แกนประมาณการว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยในปีนี้จะพุ่งขึ้นเป็น 26 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 65% ของยอดรวมนักท่องเที่ยวในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะเกิดโรคโควิด-19 แพร่ระบาด

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทยจะพุ่งขึ้นอีกราว 7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,800 จุดในปี 2566 นี้ พร้อมกันนี้ ยังคง เพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุน (overweight) ให้กับหุ้นกลุ่มต่อไปนี้ในตลาดหุ้นไทย ได้แก่

  • หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
  • หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย
  • หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์

ข้อมูลจากบลูมเบิร์กระบุว่า ดัชนี SET พุ่งขึ้นราว 4% ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา (2565) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนในเดือนม.ค.ปีนี้ (2566) เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลกได้ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยสุทธิ 566 ล้านดอลลาร์แล้ว หลังจากตลาดหุ้นไทยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5,960 ล้านดอลลาร์ในปี 2565

ด้วยแนวโน้มอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่งในประเทศไทย เจพีมอร์แกนแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค เช่นหุ้นซีพี ออลล์ (CPALL), หุ้นโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO)

นอกจากนี้ เจพีมอร์แกนยังแนะนำหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค เช่น หุ้นโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) โดยระบุว่าหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเป็นหุ้นปลอดภัย (defensive stock) หรือหุ้นที่สามารถต้านทานการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้ดี

 

ข้อมูลอ้างอิง

JPMorgan’s Top Pick in Asean Is Thai Stocks on Tourism Outlook