"นักท่องเที่ยวจีนคือฟันเฟืองหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก"

16 ม.ค. 2566 | 11:43 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ม.ค. 2566 | 19:28 น.

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ การหลั่งไหลออกท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างคึกคักของชาวจีนหลังรัฐบาลเปิดประเทศ จะเป็นฟันเฟืองหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจโลก

 

"การเปิดประเทศของจีน จะเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตของ เศรษฐกิจทั่วโลก"  เป็นทรรศนะของเฟรเดอริก นอยมานน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียของเอชเอสบีซี โฮลดิงส์

เขาให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของยอดการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนของจีน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพยุงการค้าโลก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อุปสงค์ในกลุ่มชาติตะวันตกเผชิญกับความไม่แน่นอน

ชาวจีนมีการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้พุ่งขึ้น 260%
แรงกระตุ้นในการเติบโตดังกล่าวจะเห็นได้ในภาคการบริการ เช่น การบิน การท่องเที่ยว และการศึกษา เนื่องจากประชาชนชาวจีนได้เริ่มแพ็คกระเป๋าเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ขณะเดียวกันกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วก็จะได้ประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยเช่นกัน


เจ้าหน้าที่จีนคาดว่าจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 15 - 25% ของช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาด

 

การเปิดประเทศของจีนจะเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก

ขณะที่ทีมนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สซึ่งรวมถึงนายเจียน ชาง คาดการณ์ว่า การท่องเที่ยวขาออกจากประเทศจีนจะเพิ่มสูงขึ้น โดยบาร์เคลย์ส ระบุข้อมูลจากซีทริป อินเตอร์แนชั่นแนล (Ctrip International) ว่า ชาวจีนมีการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้พุ่งขึ้น 260% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นักวิเคราะห์คาดว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย รวมอยู่ในกลุ่มประเทศที่จะได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวของชาวจีน

ขณะเดียวกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการสินค้านำเข้าจากต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย โดยเอสแอนด์พี โกลบอล คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกของจีนจะเติบโตขึ้นในอัตราถึง 5.8% ในปี 2566 นี้