ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนกดดันครัวเรือนไทยต่อ "เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ"

11 มี.ค. 2565 | 13:26 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2565 | 15:15 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยผลสำรวจครัวเรือนต้องการรายได้เพิ่มเฉลี่ย 10-20%จากกลุ่มตัวอย่าง 33.8%ที่สำรวจมีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายรายเดือน ขณะที่ครัวเรือน 67.5% ไม่มีเงินออม

ภาวะการครองชีพครัวเรือนไทยเดือนก.พ.ปรับดีขึ้นแต่คาดว่าชั่วคราว

เนื่องจากการยกระดับความตึงเครียดของสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน

น่าจะส่งผลต่อภาวะการครองชีพครัวเรือนไทยในเดือนต่อไป

 

•         ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าปรับดีขึ้นอยู่ที่ 33.9 และ 36.0  จากมาตรการภาครัฐที่ทยอยออกเพื่อมาบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่สูงขึ้น ทั้งโครงการคนละครึ่งระยะที่ 4 ที่เลื่อนขึ้นมาเร็วกว่ากำหนดเดิม และการปรับลดภาษีสรรพาสามิตน้ำมันดีเซล นอกจากนี้ ในเดือนก.พ. ที่ผ่านมาระบบ Test&Go ได้เปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง และเป็นช่วงเริ่มโครงการเราเที่ยวกันระยะที่ 4

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในส่วนของค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมพบว่าครัวเรือนบางส่วนเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายโดยมีการซื้อสินค้าที่มีราคาถูกลง ปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้ระดับราคาสินค้าที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของครัวเรือนที่ยังมีภาวะเปราะบางและอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว

 

ทั้งนี้ ผลสำรวจดัชนีฯ ในรอบเดือนก.พ. จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 18-25 ก.พ.65 ซึ่งยังไม่ได้เกิดผลกระทบจากการยกระดับของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับ130 $/barrel ในช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นรายได้และค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในปัจจุบันพบว่า ครัวเรือน 33.8% ของครัวเรือนที่สำรวจมีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายรายเดือน ซึ่งครัวเรือนส่วนมากต้องการรายได้เพิ่มเฉลี่ย 10-20% เพื่อให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ขณะที่ครัวเรือน 67.5% ไม่มีเงินออม (ครัวเรือนที่รายได้พอดีกับค่าใช้จ่ายและครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย) ทั้งนี้ ความไม่สอดคล้องของรายได้และค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อของภาคครัวเรือน

•         ในระยะข้างหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่อาจอยู่ในระดับสูงเป็นเวลายาว ซึ่งจะมีผลต่อระดับเงินเฟ้อและภาวะการครองชีพของครัวเรือนในระยะถัดไป

 

KR-ECI ปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการภาครัฐ แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19

      

    ในเดือนก.พ.65 ภาครัฐมีมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของครัวเรือนออกมาต่อเนื่องประกอบกับการเปิดให้ลงทะเบียน Test&Go อีกครั้ง ทำให้เกิดความหวังเกี่ยวกับภาคท่องเที่ยวมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนมุมมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนให้ปรับดีขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อน

 

ดัชนี KR-ECI ปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 33.9 และ 36.0 จาก 30.9 และ 33.2 ในเดือนม.ค.65 ดัชนีปรับดีขึ้นในทุกองค์ประกอบ แม้ว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนก.พ.จะระบุว่าระดับดัชนีราคาในหมวดอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้านปรับเพิ่มขึ้นที่ 5.75% และ 5.29% YoY

 

แต่ผลสำรวจ KR-ECI บ่งชี้ว่าความกังวลเกี่ยวกับระดับราคาอาหารและเครื่องดื่ม (ของรับประทาน) ลดลงจากเดือนก่อน ซึ่งคาดว่ามาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 ของภาครัฐช่วยบรรเทาผลกระทบหรือความกังวลจากราคาอาหารที่ปรับขึ้นได้

 

เนื่องจากพิจารณายอดสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้าของมาตรการคนละครึ่งพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมดผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ใช้จ่ายไปกับร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 8 มี.ค. 65 อยู่ที่ 21,774.6 ล้านบาทจากยอดการใช้จ่ายรวม 51,153.1 ล้านบาท บ่งชี้ว่ามาตรการดังกล่าวเข้ามาช่วยแบ่งเบาและบรรเทาราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นได้บางส่วน

 

ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนกดดันครัวเรือนไทยต่อ \"เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ\"

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในส่วนของพฤติกรรมการใช้จ่ายเทียบกับเดือนก่อนพบว่าครัวเรือนส่วนใหญ่ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ครัวเรือนที่มีค่าใช้จ่ายลดลงกลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายไปใช้สินค้าที่มีราคาถูกลงหรือลดค่าใช้จ่ายลงเพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินทองในอนาคตจึงได้เริ่มลดค่าใช้จ่ายในปัจจุบันลง ดังนั้นแม้ดัชนีปรับดีขึ้นจากมาตรการของภาครัฐ แต่ภาพรวมครัวเรือนยังคงมีความกังวลจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบัน

 

ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนกดดันครัวเรือนไทยต่อ \"เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ\"

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าครัวเรือนมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะราคาสินค้าที่สูงลากยาวจากราคาพลังงานในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงไปจนถึงครึ่งปีหลังนี้ ขณะที่ภาครัฐยังทยอยออกมาตรการมา

 

ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนกดดันครัวเรือนไทยต่อ \"เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ\"

แบ่งเบาภาระต่าง ๆ ต่อเนื่อง ล่าสุดมีการกล่าวถึงโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 ซึ่งจะมีการประเมินหลังสิ้นสุดระยะที่ 4 (เม.ย.65) นอกจากนี้สถานการณ์โควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องยังเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง แม้จะไม่ได้กระทบรุนแรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจแต่อาจเป็นตัวซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีความเปราะบางมากขึ้น