MACO ร่วมทุน"อี๊กดราชิล กรุ๊ป"วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท ลุยธุรกิจเกมออนไลน์
MACO ร่วมทุน "อี๊กดราชิล กรุ๊ป" วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท สัดส่วน 50:50 ผ่านบริษัท TBD ต่อยอดธุรกิจดิจิทัลคอนเทนค์ - เกมออนไลน์ คาดใน 3 ปี ปล่อยเกมใหม่สู่ตลาด 5-7 เกม
วันนี้ (15 พ.ย. ) บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร ของบริษัทฯครั้งที่ 5/2564-65 เมื่อวันที่ 12 พฤสจิกายน 2564 ได้มีมติอนุมัติการร่วมทุนกับ บริษัท อี้กดราชิล กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ผู้นำการบริการด้าน Visual effect และ 3D animation เกี่ยวกับงานโฆษณา ภาพยนตร์ และเกม ภายในวงเงินไม่เกิน 100 ล้าน
บาท
โดยร่วมทุนถือหุ้นสัดส่วน 50:50 ในนามบริษัท TBD ซึ่งดำเนินธุรกิจประเภท ดิจิทัลคอนเทนค์ - เกมออนไลน์ และกลุ่มเล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกอนาคตโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกมออนไลน์ และคาดว่าภายใน 3 ปี จะสามารถปล่อยเกมใหม่สู่ตลาดได้ 5-7 เกม
MACO ไตรมาส 2 ปี 64/65 ทำรายได้ 600 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของ MACO ไตรมาส 2 ปี 64/65 บริษัทฯ รายงานว่ามีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.3% YoY โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้รายได้ค่าตอบแทนขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารสื่อโฆษณาโดย PlanB และรายได้จากธุรกิจงานระบบครบวงจรที่เพิ่มขึ้น
โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณา คิดเป็น 35.6% ของรายได้ทั้งหมด หรือ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% YoY มาจากค่าตอบแทนขั้นต่ำที่ได้รับจากบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) (“PlanB”) แบ่งเป็น สื่อโฆษณาในประเทศ มีรายได้ 203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.9% YoY สื่อโฆษณาในต่างประเทศ มีรายได้ลดลง 81.2% YoY มาอยู่ที่ 11 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศมาเลเซีย สำหรับ รายได้ธุรกิจงานระบบครบวงจร เพิ่มขึ้น 17.7% YoY จากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากงานติดตั้งระบบ ซึ่งคิดเป็น 64.4% ของรายได้ทั้งหมด หรือ 386 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนในกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วมลดลงมาอยู่ที่ 17 ล้านบาทจาก 53 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัท PT Avabanindo Perkasa (“Otego”) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าในประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนใน Otego เสร็จสิ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563/64 ส่งผลให้ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131.3% YoY โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.4%