"โกลเบล็ก” จัดทัพหุ้นเด่นเดือนพ.ย. ธีมเปิดเมือง- ปลดล็อก LTV

04 พ.ย. 2564 | 15:29 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ย. 2564 | 22:32 น.

บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยเดือนพ.ย.ยังผันผวน รับแรงหนุนเก็งกำไรหุ้นธีมเปิดเมือง แต่ต้องจับตาสถานการณ์ความเชื่อมั่น-เศรษฐกิจในและต่างประเทศช่วงปลายปีต่อเนื่อง คาดดัชนีที่ 1,570-1,650 จุด ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นธีมเปิดเมือง - ปลดล็อก LTV

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่าประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนพฤศจิกายน ดัชนีแกว่งตัวผันผวน โดยมีรับแรงซื้อหุ้นในกลุ่มReopening จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 64 และมีผลดีต่อเนื่องไปยังปี 65

โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รายงานผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทยในเดือน ต.ค.64 ว่า ธุรกิจโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อนแต่เห็นสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อยในภาคการผลิตและการค้าจากการควบคุมการแพร่ระบาดโควิดได้ดีขึ้น และการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมฯทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น และการเพิ่มเม็ดเงินกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐช่วยให้ความเชื่อมั่นและการบริโภคปรับดีขึ้น ประกอบกับการเก็งกำไรการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาในช่วงต้นเดือนนี้ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบ1,570-1,650 จุด

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังคงต้องจับในเดือนนี้ อาทิ การแถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของกระทรวงพาณิชย์ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยแถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดทสถานการณ์ลงทุน ตลท. แถลงข้อมูลสรุปภาวการณ์ซื้อขายหลักทรัพย์ การประชุม กนง. ครั้งที่ 7/2564   ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ สภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3Q64 ประชุมครม.สัญจร จ.กระบี่ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจ และดัชนีความเชื่อมั่น ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย รวมทั้งสถานการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ และการส่งสัญญาณด้านโยบายการเงินของเฟด  และสถานการณ์ราคาน้ำมัน ซึ่งกลุ่มโอเปกพลัสจะมีการประชุมในวันนี้

 

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play ได้แก่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, AOT, AAV และBA รองลงมาหุ้นกลุ่มขนส่ง อาทิ BEM และ BTS หุ้นกลุ่มห้าง สรรพสินค้าอาทิ CPN, CRC และ MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร อาทิ AU, M และ ZEN  หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC และMAKRO รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV โดยเน้นลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ แต่ซื้อขายที่ระดับ P/E ต่ำได้แก่ LH, QH, AP, SPALI, SIRI, ORI, LALIN, PSH และ LPN

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในเดือนพฤศจิกายนว่า ยังได้รับแรงกดดันจากเฟดที่ยังคงเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินตามแผนที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้าว่าจะเริ่มลดวงเงิน QE ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะสิ้นสุดการลดวงเงิน QE ภายในกลางปี 2565 ซึ่งแปลว่าเฟดอาจทยอยลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวงเงินปัจจุบันที่ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และการลดการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวงเงินปัจจุบันที่ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งจะส่งผลให้วงเงิน QE ทั้งหมดที่ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในปัจจุบันหมดลงในช่วงกลางปีหน้าตามที่เฟดได้ส่งสัญญาณไว้ ทำให้ราคาทองคำอาจย่อตัวลงระยะสั้น แต่เนื่องจากตลาดรับข่าวการดึงสภาพคล่องดังกล่าวไปบ้างแล้วทำให้ตลาดคลายความกังวลและอาจจะค่อยๆรีบาวน์กลับ

 

นอกจากนี้ มองว่าในช่วงเดือนสุดท้ายของปียังต้องจับตาตัวเลขภาคแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งคาดการณ์ว่าภาคแรงงานอาจจะมีการจ้างานเพิ่มขึ้นไม่มากแต่อัตราการว่างงานกลับลดลง เป็นผลมาจากหลายเดือนก่อนหน้าที่ยอดจ้างงานเร่งตัวขึ้นสูง จนทำให้ปัจจุบันอัตราว่างงานเหลือราวๆ 5 ล้านตำแหน่งหรือ 3.3% ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐยังมีโอกาสเร่งตัวสูงขึ้นเนื่องจากหลายประเทศในตะวันตกอย่างอเมริกาและยุโรปเองกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวจะทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจปัจจัยหนึ่งทีหนุนให้เงินเฟ้อเร่งตัวได้ สอดคล้องกับยอดผู้ติดเชื้อจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูดังกล่าวและจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในเดือนนี้ 1,770-1,830 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยแนะนำให้หาจังหวะ long เมื่อดัชนีปรับตัวลงใกล้แนวรับ 

\"โกลเบล็ก” จัดทัพหุ้นเด่นเดือนพ.ย. ธีมเปิดเมือง- ปลดล็อก LTV