นายธนะบุล มัทธุรนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด(มหาชน) หรือ TVDเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ มีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้น 35% ในบริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง TVD และบริษัท โมโม่ดอทคอม อิงค์ จากไต้หวัน เพื่อดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งภายใต้ชื่อ ‘TVDmomo’ โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 152.89 ล้านบาท ชำระเป็นเงินสด 23.20 ล้านบาท และชำระเป็นหุ้นสามัญของบมจ.ทีวี ไดเร็ค แก่โมโม่ดอทคอม คิดเป็น 15% ของจำนวนทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ซึ่งหลังเสร็จสิ้นกระบวนการ จะทำให้บริษัทฯเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็นในทีวีดี ช้อปปิ้งเป็น 100% ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นในปี 2563 โดยจะเสนออนุมัติในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ในเดือนเมษายนนี้ต่อไป
การที่บริษัท โมโม่ดอทคอม อิงค์ เข้าถือหุ้นในบริษัทฯ พร้อมทั้งได้รับสิทธิ์เป็นกรรมการ 1 ตำแหน่ง จะเพิ่มศักยภาพในทุกๆ เช่น การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อวางแนวทางการตลาดใหม่ๆ การจัดหาสินค้า ฯลฯ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการแข่งขันและสร้างความแข็งแกร่ง เนื่องจากโมโม่ดอทคอม อิงค์ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและธุรกิจการตลาดแบบทางตรงอันดับ 1 ในไต้หวัน โดยภายหลังเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นในทีวีดี ช้อปปิ้งแล้ว จะดำเนินการจัดโครงสร้างการบริหารงานภายในและลดกระบวนการทำงานภายในที่มีความซ้ำซ้อน ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการ และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจซึ่งกันและกัน
“โมโม่ดอทคอม อิงค์ ดำเนินธุรกิจมากว่า 15 ปี เป็นบริษัทชั้นนำที่เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดทีวีโฮมชอปปิ้งในไต้หวัน โดยมีช่องทีวีโฮมช้อปปิ้งภายใต้ชื่อ Fubon momo TV ในไต้หวัน และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซภายใต้ชื่อ momoshop ซึ่งเป็นอันดับ 1 ในไต้หวันอีกด้วย จึงมีความเชี่ยวชาญการขายสินค้าผ่านช่องทีวีโฮมช้อปปิ้งและเว็บไซต์ อีกทั้งยังเข้าลงทุนในธุรกิจหลักอื่นๆ ในไต้หวัน ทั้งธุรกิจเทเลคอม ค้าปลีก ธุรกิจไฟฟ้าและเครื่องจักร ดังนั้นเชื่อว่าด้วยศักยภาพของโมโม่ จะเข้ามาเสริมความแข็งแรงให้แก่บริษัทฯ ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการจัดหาสินค้า วางแผนพัฒนาตลาดร่วมกัน เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทีวีโฮมชอปปิ้งแก่ TVD”นายธนะบุล กล่าว
ทั้งนี้ ในด้านกลยุทธ์ของทีวีดี ช้อปปิ้ง จะเน้นการเพิ่มสินค้าใหม่ 3 กลุ่มหลักจากทั้งหมด 11 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ กลุ่มเครื่องสำอางค์ เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น จึงทำให้ยอดขายสินค้า 2 กลุ่มนี้เติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของรายได้รวม ส่วนกลุ่มสินค้าแฟชั่น มีแผนงานเพิ่มสินค้าใหม่มากขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูงและหมุนเวียนเร็วตามกระแสนิยม
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 4,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.19% เทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้รวม 3,993 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) 13.38 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2561 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเช่าเวลาทีวีดิจิทัลช่อง 19 ที่เกิดขึ้นในช่วง 8 เดือนแรกและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในไตรมาสสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว ถือเป็นโอกาสของธุรกิจทีวีโฮมชอปปิ้งในการซื้อเวลาโฆษณาบนช่องฟรีทีวีและช่องทีวีดาวเทียมเพิ่มขึ้น โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะเดินหน้าเพิ่มพื้นที่ขายสินค้ามากขึ้นผ่าน 2 ช่องทางหลักคือ 1.การตลาดทางทีวี ด้วยการซื้อเวลาโฆษณาบนฟรีทีวีเพิ่มขึ้น และ2. การเพิ่มยอดขายสินค้าช่องทางออนไลน์