ติวเข้มธุรกิจไทย ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจซ้อนวิกฤตโลก ค่ายอสังหาปรับทัพรับมือจีน

26 ก.พ. 2568 | 05:35 น.

บิ๊กเอกชนติวเข้มรัฐบาล-ภาคธุรกิจรับมือความท้าทายวิกฤตเศรษฐกิจไทย-โลก สู้ศึก “ทรัมป์ 2.0” ชี้เรื่องใหญ่รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ เร่งกระตุ้นทันที ดันจีดีพี 3% ผลิตมนุษย์งานรุ่นใหม่ เก่งเทคโนโลยีรับ AI-EV โต ค่ายอสังหาฯชูคุณภาพ-บริการ ปรับแผนลุยคอนโดยุคใหม่แข่งค่ายจีน

ในภาวะส่อมีวิกฤตซ้อนวิกฤต จากการจุดชนวนการค้าโลกรอบใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการค้าโลกชะลอตัวลงในปีนี้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังอ่อนแอ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยไม่เกิน 2.5% ไม่เพียงพอดึงดูดการลงทุน และเพิ่มการจ้างงานซึ่งต้องการการกระตุ้นอีกมาก หากจะทำให้เศรษฐกิจ หรือจีพีดีไทยขยายตัวได้ที่ระดับ 3% ตามเป้าหมายของรัฐบาลในปีนี้ ขณะที่สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศยังทะลัก กระทบผู้ประกอบการไทย ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายภาครัฐและเอกชนไทยในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การที่ประเทศไทยจะฝ่าวิกฤตในปีนี้ไปให้ได้ มี 2 ปัจจัยหลักคือ หนึ่ง รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก เพราะจะได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการไทย รวมถึงนักลงทุนและผู้ประกอบการจากต่างประเทศ

เรื่องที่สอง รัฐบาลต้องประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน ดูว่ามาตรการใดที่สามารถเยียวยาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจได้ หรือมาตรการใดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ก็ควรต้องเร่งทำทันที

ติวเข้มธุรกิจไทย ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจซ้อนวิกฤตโลก ค่ายอสังหาปรับทัพรับมือจีน

สู้ศึกสกัดสินค้าต่างประเทศ

สำหรับความท้าทายที่เกิดจากสงครามการค้าโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย รัฐบาลต้องช่วยสนับสนุนมาตรการเพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ขณะเดียวกันเสนอให้ตั้งวอร์รูม เพื่อหาข้อมูล และสร้างเงื่อนไขในการเปลี่ยนผลประโยชน์กับสหรัฐ และรวมทีมภาครัฐ-เอกชนในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐ ทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มากที่ต้องเร่งดำเนินการ

“อีกด้านหนึ่งที่สำคัญคือ จะทำอย่างไรถึงจะสามารถสกัดสินค้าราคาถูกผิดปกติจากต่างประเทศเข้ามาไทยได้ จากผลกระทบสหรัฐขึ้นภาษี ที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศหนักยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีเท่านั้น แต่ยังลามถึงอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ด้วย”

ขณะเดียวกันทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทย ล่าสุดทางสภาหอการค้าฯได้เจรจากับทางสมาคมวิสาหกิจจีนที่มีสมาชิกอยู่กว่า 200 โรงงานในไทย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่แทบทั้งสิ้นว่า การเข้ามาลงทุนในไทยจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทยด้วย ประการต่อมาต้องสร้างซัพพลายเชนเชื่อมกับผู้ประกอบการของไทย เช่น ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่น ๆ เพื่อจะทำให้สัมพันธภาพระหว่างผู้ประกอบการไทยกับจีนได้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

“สำหรับจีดีพีของไทยในปี 2568 พยายามจะลุ้นกันให้ขยายตัวได้ที่ 3% จากปีที่แล้วขยายตัวได้เพียง 2.5% ซึ่งแม้จะยากแต่ก็ต้องพยายาม”

สภาพคล่อง-ตลาดเรื่องใหญ่

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ความท้าทายของผู้ประกอบการในเวลานี้ ที่สำคัญมี 2 ประเด็นคือ เรื่องเงินทุน ที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ขาดสภาพคล่อง กับเรื่องตลาด ซึ่งหากผลิตสินค้าออกมาแล้วมีออร์เดอร์หรือขายได้ก็จบ แต่หากไม่มีเงินหรือไม่มีสภาพคล่องก็จบเช่นกัน

ขณะเดียวกันแรงงานไทยยังมีปัญหาด้านทักษะฝีมือ (Skill) และมีไม่เพียงพอรองรับกับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น แรงงานทางด้าน AI ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้านคอมพิวเตอร์ หรือด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าสูงที่ไม่ได้รับการพัฒนาหรือยกระดับให้มากขึ้น

“ยกตัวอย่างง่าย ๆ ในเรื่องภาษา คนเมียนมาเข้ามาทำงานในไทย เขาได้ภาษาไทยกับภาษาเมียนมา แต่วันนี้คนไทยจ้างคนเมียนมาทำงาน เรายังไม่ได้ภาษาเมียนมา เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีปัญหาเรื่อง Skill อย่างมาก ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนา ขณะเดียวกันคนไทยก็ต้องพร้อมปรับความคิด (mindset)ใหม่ และระบบการศึกษาของเราก็ต้องเร่งพัฒนาปรับปรุง และต้องก้าวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป”

ย้ำต้องปรับตัวตลอดเวลา

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ให้ความเห็นว่า ความท้าทายของภาคธุรกิจคือ ยังมีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของแต่ละช่วงเวลา ซึ่งการปรับตัวโดยพื้นฐานและเป็นเรื่องที่ทำกันมาโดยตลอด คือต้องพยายามหาวิธีทำต้นทุนให้ดีที่สุด มีนวัตกรรม หรือมีการทำสินค้าใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากการแข่งขันสูง ๆในตลาดโลก

การพยายามหนีตลาดเดิม ไปหาตลาดอื่นที่มีความแตกต่าง หรือตลาดที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม แต่เป็นความต้องการในสินค้าที่ไม่เหมือนกัน แต่ยอมจ่ายในราคาที่ดีกว่า หรืออย่างน้อยที่สุดให้ขายได้ในราคาเดิมที่เคยขายได้ จากปัจจุบันสินค้าในตลาดโลกมีการแข่งขันสูง เฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจากประเทศจีนดัมพ์ราคาลงต่ำมาก ซึ่งจะกระทบโดยตรงกับผู้ประกอบการรายเล็กที่มีกำลังการผลิตไม่สูง และไม่สามารถทำต้นทุนต่ำจากการผลิตสินค้าจำนวนไม่มากได้

ด้านการลงทุนใหม่ ๆ จากต่างประเทศถือเป็นอีกภาคส่วนที่สำคัญมากต่อเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยต้องปรับตัวในอุตสาหกรรมต่างๆ และพิจารณาการลงทุนจากต่างชาติที่จะเป็นผลดีและเกิดประโยชน์กับไทยจริงๆ อาจมีกฎระเบียบหรือมาตรการที่จะต้องใช้ทรัพยากรของไทย แรงงานไทยมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาคนให้มีศักยภาพ สอดคล้องกับการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อเป็นประโยชน์กับประเทศในระยะยาว

“ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ผู้ประกอบการไทยต้องประคับประคองธุรกิจ การผลิตสินค้าใหม่เพื่อส่งออกไปยังตลาดโลกต้องดูให้ดี โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีใหม่ อย่างสินค้าด้านการเกษตร และอาหารที่ไทยมีจุดแข็งสามารถแข่งขันได้ ต้องไม่ตั้งราคาแพงจนเกินไป เพราะขณะนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังสนใจสินค้าราคาถูก มากกว่าสินค้าที่มีคุณภาพแต่ราคาแพง เพราะภาวะเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน หากเศรษฐกิจดีจึงจะเป็นโอกาส โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี”

อย่างไรก็ตาม เวลานี้เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆ ยังมีอยู่ แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่ก็ยังไม่ได้ส่งผลที่ชัดเจนจนทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น ขณะที่นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังเป็นที่น่ากังวลของหลายประเทศทั่วโลก ฉะนั้นความไม่แน่นอนในเรื่องเศรษฐกิจยังมีอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของเศรษฐกิจจึงยังไม่สามารถคาดเดาได้

อสังหาฯ เร่งปรับตัวรับแข่งขันจีน

 ด้านนายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร มองว่า ความท้าทายที่สำคัญของธุรกิจอสังหาฯ คือการแข่งขันด้านต้นทุนและคุณภาพกับตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันจากผู้ประกอบการต่างชาติที่สามารถผลิตและก่อสร้างได้รวดเร็วกว่ามาก เช่น จีนสามารถสร้างที่อยู่อาศัยในเวลาเพียง 2 เดือน ขณะที่ประเทศไทยใช้เวลาเฉลี่ย 4 เดือน ทำให้ตลาดอสังหาฯ ไทยเสียเปรียบด้านต้นทุนและความเร็วในการพัฒนาโครงการ อย่างไรก็ตามยังต้องให้ความสำคัญกับจุดแข็งของไทยที่อยู่ที่คุณภาพของงานก่อสร้าง และการบริหารจัดการนิติบุคคลในโครงการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดไทยยังคงแข่งขันได้

นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุว่า ความท้าทายหลักของธุรกิจนี้คือการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงข้อดีของการใช้บริการรับสร้างบ้านเมื่อเทียบกับการจ้างผู้รับเหมาทั่วไป แม้ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านจะมีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือและให้บริการที่ครบวงจร แต่ผู้บริโภคมักมองว่ามีค่าใช้จ่ายสูงกว่า และมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า ทำให้ตลาดของธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตลาดอสังหาฯ โดยรวม

เพื่อรับมือกับความท้าทายสมาคมฯ จึงมุ่งเน้นการให้ข้อมูลและสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงข้อดีของการใช้บริการรับสร้างบ้าน เช่น การให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ การขอใบอนุญาตปลูกสร้าง และการดูแลโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงการรับประกันคุณภาพของงานก่อสร้าง

การเข้าถึงสินเชื่อสู้ ศก.ชะลอ

นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่า ความท้าทายการปรับตัวปีนี้ มองว่าในเรื่องของความสามารถเข้าถึงสินเชื่อ ซึ่งกลุ่มที่พอไปได้คือกลุ่มเรียลดีมานด์แต่ปัญหาใหญ่คือเศรษฐกิจชะลอตัว วิธีแก้มองปัจจัยกระจายรายได้ต้องพัฒนาโครงการที่ตนถนัดเจาะตลาดบ้านหลังแรกและ LTV กู้ได้100 % ราคา 1 ล้านบาทปลายถึง 2 ล้านบาท และแก้ปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อด้วยการนำกลุ่มที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อมาเข้าโครงการ เช่าออม โดยผ่อนกับเสนาฯและนำเงินก้อนดังกล่าวมาหักเพื่อกู้แบงก์

ปรับแผนรับมือผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้กระแสลบมากกว่าบวก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์จีดีพีไทยจะโตต่ำสุดในภูมิภาค แต่ข้อดียังมีโอกาสเติบโต ย้อนไป 10 ปีหนี้ครัวเรือนอยู่ประมาณ 50-60% ต่อจีดีพี สินเชื่อสามารถเข้าถึงได้ ส่งผลดีช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ เติบโตต่อไปได้ แต่ปัจุบันหนี้ครัวเรือนขยับไปที่กว่า 90 % เป็นความท้าทาย ที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตค่อนข้างยาก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีจำกัด ขณะเดียวกันยังมีผลกระทบจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวเพราะทั้งสหรัฐและจีนคือคู่ค้าสำคัญของไทย

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความท้าทายหลักในปัจจุบันคือการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่รวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพของโครงการและประสบการณ์การอยู่อาศัยมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดอสังหาฯ ยังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ ในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ บริษัทจึงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ เช่น การออกแบบคอนโดฯที่มีพื้นที่รองรับ Work from Home และการพัฒนาอาคารสำนักงานที่มีระบบ Smart Office ลดการสัมผัส

โครงสร้างภาษีแม่เหล็กดึงลงทุน

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เวลานี้ทุกคนต่างกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ขณะที่เรื่องปากท้องเงินทองที่ประชาชนมีอยู่ เป็นตัวหลักของของธุรกิจและการให้บริการที่เป็นพื้นฐานในเชิงธุรกิจของเอไอเอส ซึ่งโครงสร้างธุรกิจพื้นฐานจะยังเติบโตต่อไป แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือประเทศจะเติบโตไปอย่างไร เพราะเป็นเรื่องระยะยาว จากปัจจุบันโครงสร้างหลักเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมการผลิต และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

“อย่างไรก็ตามรัฐบาลพยายามหามาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รัฐบาลเดินหน้าลุย 100% ในส่วนภาคการผลิตรัฐบาลพยายามดึงนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยแข่งกับเวียดนาม และอินโดนีเซีย หากไทยมีการปรับโครงสร้างภาษีให้ดึงดูดการลงทุน เชื่อว่ากลุ่มทุนต่างชาติจะขยายการลงทุนและช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับไทยได้”

ออนไลน์-อีคอมเมิร์ซยังโต

นายศิวัตม์ วิลาสศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ บริษัท เอนี่มายด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาโลกเผชิญปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ จีน-สหรัฐ รัสเซีย-ยูเครน รวมถึงในตะวันออกกลางมาตลอด สำหรับเอนี่ มายด์ โชคดีที่อยู่ในธุรกิจออนไลน์ ทั้งอีคอมเมิร์ซ และการตลาดออนไลน์ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเป็นตัวเลขสองหลักต่อเนื่องทุกปี

นอกจากนี้บุคลากรของบริษัทที่มีอยู่ 500 คนยังเป็นคนรุ่นใหม่อายุไม่เกิน 30 ปี มีพลังการทำงานสูง และยังมีการนำเทคโนโลยี หรือแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI มาช่วยชับเคลื่อนยอดขาย จะเห็นได้จากตัวเลขผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมาที่เพิ่งประกาศ ตัวเลขการเติบโต 50%