การจัดสรรสิทธิโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ตั้งแต่ ปี 2535 นับตั้งแต่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) และกรมปศุสัตว์ เป็นเลขานุการ ได้เข้าสู่ยุคที่ 3 ที่ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นเลขานุการเป็นปีแรก ของปีการศึกษา 2568 ตาม มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 โดยจะทำหน้าที่ในการจัดสรรสิทธิพื้นที่จำหน่ายระหว่างผู้ประกอบการที่เป็นสถาบันเกษตรกรกับผู้ประกอบการภาคเอกชนเป็นสัดส่วน 50:50 ของปริมาณสิทธิที่พึงได้รับจัดสรรในกลุ่มพื้นที่เพื่อให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการจัดสรรสิทธิการจำหน่ายนมโรงเรียน ปีการศึกษา 2568 ว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสหกรณ์ ผู้เลี้ยงโคนม รวมภาคเอกชน ซึ่งขอให้ใจเย็น รอหลักเกณฑ์ออกมาก่อนว่าจะออกมาเป็นรูปแบบใด เพราะต่างฝ่ายก็มีความเห็นที่ยังขัดแย้งกันอยู่ โดยฝ่ายเอกชนขอให้คุ้มครองโรงงานขนาดเล็กที่ผลิตไม่เกิน 5 ตัน ขณะที่จะให้ อ.ส.ค. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ มารวมอยู่ในโควตาของส่วนของภาคเอกชนมองว่าไม่ถูกต้อง และอีกด้านหนึ่งเอกชนมีจำนวนโรงงานผลิตนม และกำลังการผลิตมากกว่า พอได้โควตาจัดสรรสิทธิน้อยจะส่งผลทำให้รายได้ไม่คุ้มต้นทุน
ขณะที่ฝ่ายสหกรณ์ก็ขอให้จัดสรรสิทธิให้กับผู้เลี้ยงโคนมไม่น้อยกว่าร้อยละ50 ของพื้นที่การจำหน่ายนมโรงเรียน โดยขอให้ยึดตามหลักโลจิสติกส์ และพิจารณาจากพื้นที่ตั้งโรงงานผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์หรือนมยูเอชที ปัจจุบันจากจำนวนเด็กที่ลดลงทำให้มีปริมาณนํ้านมโคที่ใช้ในการโครงการดังกล่าวทั้งสิ้น 976.086 ตัน/วัน (จากปริมาณนํ้านมโคทั่วประเทศ 2,821.86 ตัน/วัน) ทั้งนี้หากจัดสรรสิทธิโดยยึดตามโมเดลปีการศึกษา 2567 สัดส่วน 50:50 กล่าวคือ ให้สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์) 485.593 ตัน/วัน (ร้อยละ 50) และผู้ประกอบการภาคเอกชน (ไม่ใช่สหกรณ์) 485.593 ตัน/วัน (ร้อยละ 50)
โดยวัตถุประสงค์ของการจัดสรรสิทธิในปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันมีสถิติการเลี้ยงโคนมลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรสิทธิการจำหน่ายนมโรงเรียนให้เหมาะสมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมสถาบันเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งและได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณในโครงการนมโรงเรียน มีส่วนในการสนับสนุนภาคการเกษตรให้มีความมั่นคงและยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน กล่าวว่า อยู่ระหว่างรอปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง และเมื่อปลัดลงนามคำสั่งแล้วจะมีคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์ แล้วจะเริ่มร่างหลักเกณฑ์ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และในต้นเดือนมีนาคม จะเปิดรับฟังความคิดเห็น
“โดยหลักการจะทำหลักเกณฑ์นมโรงเรียน ปี 2568 ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งในส่วนภาคเอกชนที่ได้ยื่นหนังสือมาก็รับฟัง ส่วนสหกรณ์ที่ได้รับความเดือดร้อนก็ต้องรับฟังเช่นเดียวกัน ซึ่งพอหลักเกณฑ์ออกมาทุกฝ่ายก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้ แล้วก็จะนำความเห็นกลับมาเพื่อทบทวนพิจารณาอย่างรอบคอบ และให้เกิดความเป็นธรรม และเด็กได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ”
อนึ่ง การบริหารโครงการนมโรงเรียน มติคณะ ครม. วันที่ 26 มีนาคม 2562 (เรื่องขอทบทวนมติครม. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2552 เรื่อง การทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน) มีผู้ประกอบการ (สหกรณ์/เอกชน) 75 ราย จำนวนเด็ก 7.01 ล้านคน และ มติ ครม. เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 มีผู้ประกอบการ (สหกรณ์/เอกชน) 84 ราย จำนวนเด็ก 6.50 ล้านคน
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,071 วันที่ 16 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568